“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม 2016

สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา

ยรม 2:1-3;7-8;12-13…
1พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า 2จงไปประกาศให้ชาวกรุงเยรูซาเล็มได้ยินว่า
“พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้
เรายังระลึกถึงความจงรักภักดี ในวัยสาวของท่าน
ระลึกถึงความรักเมื่อท่านยังเป็นคู่หมั้น


เมื่อท่านติดตามเราในถิ่นทุรกันดาร
ในแผ่นดินที่ไม่มีผู้ใดหว่านพืช
3อิสราเอลถูกแยกไว้เป็นของพระยาห์เวห์
เป็นผลิตผลแรกที่ทรงเก็บเกี่ยว
ทุกคนที่กินผลแรกนี้ย่อมมีความผิด
เหตุร้ายจะมาถึงเขา – พระยาห์เวห์ตรัส”

7เราได้นำท่านทั้งหลายเข้ามาในแผ่นดินอุดมสมบูรณ์
เพื่อจะได้กินผลผลิตและสิ่งดีๆ
แต่เมื่อท่านเข้ามา
ท่านทำให้แผ่นดินของเราเป็นมลทิน
และทำให้มรดกของเราเป็นสิ่งน่าสะอิดสะเอียน
8บรรดาสมณะมิได้ถามว่า
“พระยาห์เวห์ทรงอยู่ที่ไหน”
ผู้เชี่ยวชาญธรรมบัญญัติไม่รู้จักเรา
บรรดาผู้ปกครองก็เป็นกบฏต่อเรา
บรรดาประกาศกประกาศวาจาในนามของพระบาอัล
และดำเนินตามสิ่งที่ไร้ประโยชน์
11มีชนชาติใดบ้างที่เปลี่ยนเทพเจ้าของตน
ทั้งๆที่เทพเจ้าเหล่านั้นไม่ใช่พระเจ้า
แต่ประชากรของเรานำผู้เป็นสิริรุ่งโรจน์ของตน
ไปแลกกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์

12สวรรค์เอ๋ย จงตกตะลึงเพราะเหตุการณ์เช่นนี้
จงสยดสยองและจงตกใจอย่างที่สุดเถิด –พระยาห์เวห์ตรัส -
13ประชากรของเราได้ทำความชั่วสองประการ
เขาได้ละทิ้งเราซึ่งเป็นพุน้ำไหล
แล้วไปสกัดหินเป็นที่ขังน้ำสำหรับตน
เป็นที่ขังน้ำรั่วซึ่งเก็บน้ำไว้ไม่ได้

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• พระยาห์เวห์รักประชากรของพระองค์
o พระองค์รักเขาตั้งแต่แรก พระเจ้ารักและไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้วันเวลาผ่านไปแล้วพวกเขาจะเปลี่ยนไป ไม่จงรักภักดีเอาเสียเลย ไม่ซื่อสัตย์เอาเสียเลย เหลิงไป และบ่อยครั้งก็ทำตัวให้ย่ำแย่ เต็มไปด้วยความไม่ดี แบบเกลื่อนกรากเหลือเกิน...
o ยิ่งนานวัน ยิ่งย่ำแย่ไม่รู้เรียนรู้และจดจำ... เรียกว่า ถ้าเป็นภาษาเราๆ มนุษย์ก็คงต้องร้อง “เฮ้อ...เอือมละอาเต็มที” ถ้าเป็นคู่รักสามีภรรยาก็คงต้องขับไล่ไสส่งกันไปเสียที... บ้านแตกสาแหรกขาดกันไปนานแล้วกระมัง
o ยิ่งเลาผ่านไปก็ยิ่งแย่เต็มที ยิ่งเวลาผ่านไป การกระทำก็ช้ำชอกไม่จบสิ้น.. เหมือนคนนอกใจและไม่ยอมหวนกลับ

• แต่.. พ่อคิดว่าเราฟังประกาศกเยเรมีย์ที่มาประกาศแก่ประชากรของพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามแย่ๆ ของประชากรเช่นนี้ เรียกว่าแย่ขนาดที่น่าจะตัดขาดจากกันได้เลยทีเดียว
o แต่เราพบว่าพระเจ้าพระยาห์เวห์ก็ทรงเหลือเยื่อยใยต่อไป...
o เพราะพระองค์เป็นพระเจ้า
o พระเจ้าทรงเริ่มตรัสในพระวาจาที่เราน่าจะเก็บรายละเอียดสักหน่อยครับ... ดูพระวาจานี้สิครับ...

• “เรายังระลึกถึงความจงรักภักดี ในวัยสาวของท่าน ระลึกถึงความรักเมื่อท่านยังเป็นคู่หมั้น เมื่อท่านติดตามเราในถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินที่ไม่มีผู้ใดหว่านพืช”
o ดูสิครับ พระเจ้าคิดถึงอิสราเอลสมัยแรกเริ่ม เรียกภาษาง่ายๆ ว่าแรกรักกันใหม่ แรกพบกันใหม่ ก็น่ารักมาก เหมือนชีวิตรักในวัยสาว ในสมัยที่เริ่มเป็นคู่รัก ติดตามกันไปทุกที่ เรื่องนี้พ่อว่าจริงและสามารถใช้เป็นภาพเปรียบเทียบกับประชากรของพระเจ้าได้จริงๆ
o พ่อคิดถึง “คู่รัก” รักกันใหม่ ติดตาม เกาะติดกันแจ “รักกันปานจะกลืน” ภาษาของเราคนไทย... พ่ออาจจะใช้ภาษาเก่าหน่อย เพราะย้อนคิดถึงวัยของตนเองมากกว่าปัจจุบัน ถ้าปัจจุบันคงต้องบอกว่า “รักกันมุ๊งมิ๊งฟรุ๊งฟริ๊ง” อะไรทำนองนั้น ซึ่งถ้อยคำนี้ยังไม่ได้บรรจุเป็นภาษาไทยด้วยซ้ำ แต่พ่อก็ใช้ไปร่วมสมัยกับวัยรัก วัยใส ของคนปัจจุบันที่เพิ่งมีความรัก... “ภาษาโบราณเขาว่า “น้ำเปล่าก็ยังหวาน หรือ ชี้นกเป็นไม้ก็ว่าไม้ ชี้ไม้บอกนกก็ว่านก” ว่าอะไรว่าตามกันไปหมด นั่นคือความรักสมัยแรกเริ่ม

• มีคนบอกว่า คนเรารักกันใหม่นะ สังเกตนั่งรถแท็กซี่ด้วยกัน นั่งเบาะหลังด้วยกัน เบาะออกจะกว้าง แต่นั่งตัวแทบจะติดกัน มองจากด้านหลังดูชิดกันมากๆๆๆ
o พอแต่งงานกันไปสักพัก เริ่มนั่งห่างกันแล้ว... ดูจากกระจกหลังเข้าไป... เอตรงกลางก็ว่าง ที่วางแขนตรงกลางก็ไม่มีขวาง แต่นั่งกันคนละข้างประตูห่างกันมาก แถมยังมีอาการพยายามเบียดประตูกันสุดๆให้ห่างกัน... นานไปกว่านั้น เริ่มนั่งเบาะหน้าคือสามี ภรรยานั่งเบาะหลัง...
o นานไปอีก ต้องเรียกรถแท็กซี่คนละคันไปคนละเที่ยว นั่งด้วยกันไม่ได้ ทะเลาะกัน โกรธกัน ไม่คุยกันเอาเสียเลย... ความรักนานๆไปก็เป็นแบบนี้... ใหม่ๆ ไปทานข้าวด้วยกันตลอด ไปๆก็แยกกันทาน และก็แยกเวลา แยกร้าน และบ่อยครั้ง ก็แยกคู่กันไปรับประทาน นั่นว่าไปนั่น....
o ครับ พ่อเขียนมาทั้งหมดเพื่อสื่อถึงความรักเมื่อจางหาย เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ค่อยได้รักกันหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มทิ้งห่างกันไป... ก็ไม่สวยอย่างที่เคย ไม่งามอย่างที่คิด...

• พระยาห์เวห์กับอิสราเอล หรือ “พระเจ้ากับเรามนุษย์” เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้บ่อยๆ
o ในฝ่ายของพระเจ้าไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ทว่าเรามนุษย์มักจะเปลี่ยนไป
o ประชากรของพระเจ้าไม่น่ารักบ่อยครั้งทีเดียว... ชอบนักแหละ หันเห นอกใจ ไปหาพระเท็จเทียม ไปหาพระบาอัล จนพระคัมภีร์บ่อยครั้งใช้คำเปรียบเทียบว่า “เล่นชู้หรือเป็นชู้” พระเท็จเทียมไม่รู้จักจบสิ้น... สำนวนนี้ถ้าพระคัมภีร์เขียนปัจจุบัน
o คงต้องบอกว่า “ประชากรของพระเจ้าวิ่งหากิ๊กไม่เลือกหน้าและไม่รู้จักหยุดไม่รู้จักพอ” สิ่งเหล่านี้คือ “กระแสโลก ความสะดวกสบาย เงินทอง ความพอใจไม่รู้จักจบสิ้นเอาเสียเลย และอื่นๆอีกมากมาย”

• “อิสราเอลถูกแยกไว้เป็นของพระยาห์เวห์ เป็นผลิตผลแรกที่ทรงเก็บเกี่ยว ทุกคนที่กินผลแรกนี้ย่อมมีความผิด เหตุร้ายจะมาถึงเขา”
o สำนวนข้างบนนี้คือความล้ำค่ามากๆ “อิสราเอลถูกแยกไว้เป็นของพระยาห์เวห์” สำนวนที่พ่อต้องการเน้นมากๆ คือ “อิสราเอลถูกแยกไว้” แปลว่าอะไร... ตรงนี้ต้องศึกษากันอย่างลึกซึ่งจริงๆ
o “แยกไว้สำหรับพระยาห์” ภาษาฮีบรูใช้คำว่า “קֹ֤דֶשׁ יִשְׂרָאֵל֙ לַיהוָ֔ה” อ่านว่า “คาโดช ยิสราเอล ลาโดนาย” แปลว่า “อิสราแอล เป็นประชากรศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์”
o ภาษาอังกฤษ “Israel was holy to the LORD (RSV)” ถ้าจะแปลไทยให้ดีกว่า คงต้องแปลว่า “อิสราเอลนั้น ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพระยาห์เวห์”
o คำว่า “คาโดช” แปลว่า “ศักดิ์สิทธิ์” และความศักดิ์สิทธิ์นี้คือไม่มีความชั่วร้ายปะปน ไม่ให้ปนกับความเป็นมลทินใดๆ
o ดังนั้น ประชากรศักดิ์สิทธิ์แบบอิสราเอลแท้จริง หรือถ้าจะเปรียบเทียบกับคริสตชนที่เราเป็นประชากรของพระเจ้า เป็นคนศักดิ์สิทธิ์ คือ “ไม่ปะปน แยกออกไว้” ไม่ไปผสมปนเปกับคามเท็จเทียม ไม่ไปผสมปนเปกับความชั่วร้าย แยกออกเด็ดขาด ไม่ไปวุ่นวายหรือมั่วกับความเป็นมลทินหรือบาปนั่นเอง...

• สรุปว่า “ความรักต่อประชากรของพระเจ้า คือ อิสราเอล” ต้องทำให้อิสราเอลไม่ไปปะปนกับความชั่วร้ายโสมมหรือมลทินบาปทุกชนิด ประชากรของพระเจ้าแท้จริงต้องเป็นอิสระจากความชั่วร้าย จากบาปทั้งมวล... เราได้เห็นความจริงและอันที่จริงเป็นคำสอนเตือนใจเราคริสตชนจริงๆ
o เราคริสตชนต้องเป็นอิสระจากบาป
o เราคริสตชนต้องไม่ปะปนกับกิจการของความชั่วร้าย หรือความรุนแรง ความอยุติธรรม และความโลภ หรือความโหดร้ายใดๆ

• พ่อไตร่ตรองจากความหมายของความศักดิ์สิทธิ์และการแยกออกไว้ แยกไว้สำหรับพระเจ้านี้ มีความหมายสรุปได้ว่า
o เราจะต้องออกห่างจากความชั่ว แยกออกจากบาป เราจะเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ คือ ห่างไกลจากบาปได้อย่างไร...
o คำตอบของพ่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์ คือ กลับมาหาพระยาห์เวห์ อยู่ใกล้กับพระยาห์เวห์

• ทั้งหมดนี้ จะสามารถเป็นได้อย่างไร??? เราจะห่างจากบาปได้อย่างไร??? เราห่างจะแยกออกจากบาปได้อย่างไร??? เราจะไม่ไปปะปนกับความชั่วร้ายหรือปีศาจได้อย่างไร???
o พ่อได้คำตอบจริงๆ ครับ คือ พี่น้องที่รัก คำตอบชัด ฟันธงเลยครับ
1. กลับใจมาหาพระเจ้า
2. หันกลับมาจาความชั่วร้ายและหันมาหาพระเจ้า
o ที่สำคัญที่สุด จะแยกออกจากบาปได้อย่างแน่นอนถ้าเราอยู่ในพระองค์ เชื่อในพระองค์ ศรัทธาในพระองค์ และอยู่กับพระเจ้าในเพื่อนพี่น้องของเรา อยู่กับสมาชิกทุกคนในพระศาสนจักรอย่างแท้จริงเท่านั้น
o เราจึงจะกลายเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างแท้จริง โดยเราจะห่างจากบาปและความชั่วร้ายเสมอไป ถ้าเราอยู่ในพระองค์

• พี่น้องที่รัก พระวาจาวันนี้เพียงสามข้อแรกที่เราอ่าน หรือเฉพาะประเด็นสำคัญของความเป็นอิสราเอลศักดิ์สิทธิ์หรือแยกไว้สำรับพระยาห์เวห์ หรือ ประยุกต์กับการที่เราต้องเป็นคริสตชนที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพระเจ้านั้น พ่อได้ข้อคิดที่เพียงพอจริงๆ และเพียงพอแก่การไตร่ตรองของเราอย่างพิเศษเลยครับ
o การเป็นคริสตชนศักดิ์สิทธิ์ คือ เราต้องไม่ปะปนกับความชั่วร้ายหรือเป็นมลทิน
o ดังนั้น อะไรๆก็ตามที่พรากเราจากความรักของพระคริสตเจ้า พรากเราจากความดีและความยุติธรรม... สิ่งเหล่านั้น ทำให้เราห่างไกลจากพระเจ้าและห่างไกลจากความศักดิ์สิทธิ์
o สำคัญเช่นกัน คือ เราต้องใกล้ชิดกับพระเจ้ามาขึ้นทุกวัน... เราอาจเน้นการใกล้ชิดพระองค์ในพระวาจา ศีลศักดิ์สิทธิ์และการอธิษฐานภาวนา ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆ แต่มีอะไรที่เป็นผลชัดเจนมากกว่านั้น
o คำตอบแท้จริงก็คือ
1. เราทุกคนต้องใกล้ชิด สนิท เป็นหนึ่งเดียว และไม่ห่างไกลจากพี่น้องรอบข้างเราโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะ “บรรดาผู้ยากไร้และคนชายขอบสังคม บรรดาคนต่ำต้อย” เพราะพระเยซูเจ้ายืนยันว่า การที่เรากระทำกับพี่น้องผู้ต่ำต้อยครั้งใด เราทำกับพระองค์เอง
2. เราได้พบคำตอบจริงๆ ว่า ความศักดิ์สิทธิ์ คือ การที่เราถูกแยกไว้สำหรับพระเจ้า ให้เราได้อยู่กับพระเจ้า และการอยู่กับพระเจ้า คือ การอยู่ใกล้ชิดกับพี่น้องรอบข้างในความรักแท้จริง โดยเฉพาะกับบรรดาพี่น้องผู้ยากไร้ของเรา

• ดังนั้น ถ้าเราอ่านเยเรมีย์ตอนนี้ต่อไป เราจะพบว่า พระเจ้าได้ประทานสิ่งที่แสนดีกับประชากรที่พระองค์ทรงรัก.. แต่เป็นประชากรเหล่านี้ที่ทำให้พระพรของพระเจ้าที่ประทานให้ต้องเป็นมลทินด้วยการทอดทิ้งพระองค์ไป ห่างจากพระองค์ไป

• จึงพึงสรุปว่า
o พี่น้องที่รัก เราอย่าได้ห่างไกลจากพระเจ้าเลย
o เราอย่าได้ห่างไกลจากเพื่อนพี่น้องของเราเลย
o พ่อคิดว่า ยิ่งเราใกล้พระ เรายิ่งใกล้กัน ยิ่งเราใกล้กัน เราก็ไกลจากสิ่งที่ตรงกันข้ามกับพระเจ้าและความดีทั้งปวง
o ดังนั้น เราก็เป็นคริสตชนศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นทุกวัน ศักดิ์สิทธิ์ในความรักต่อพระเจ้าและในความรักต่อกันและกันนั่นเอง

• สุดท้าย พ่อพบว่า พระเจ้าทรงหวงแหนอิสราเอลของพระองค์ “อิสราเอลถูกแยกไว้เป็นของพระยาห์เวห์ เป็นผลิตผลแรกที่ทรงเก็บเกี่ยว ทุกคนที่กินผลแรกนี้ย่อมมีความผิด” ประเด็นสุดท้ายนี้ทำให้พ่อเห็นชัดและมั่นใจว่า พี่น้องครับ
o พระเจ้าทรงหวงแหน และทรงรักประชากรของพระองค์ ดุจดังพืชผลแรก และใครก็ตามที่กินหรือเบียดเบียนประชากรของพระองค์ พระองค์จะทรงไม่ยินยอม ไม่ปล่อยให้ประชากรของพระเจ้าต้องสูญหายไป
o อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว พ่อพบว่า พระเจ้าทรงหวงแหนเรา รักเรา และปกปักรักษาเราอย่างแน่นอน
o ดังนั้น ขอให้เราอยู่ใกล้พระเจ้า และอยู่ใกล้กันและกันกับพี่น้องของเราเสมอนะครับ
o คงจะน่าแปลกมาก ถ้าเราบอกว่า บอกว่าเราใกล้ชิดพระเจ้า แต่ในความเป็นจริงเราห่างไกลจากพี่น้องของเรา...
o ขอพระเจ้าอวยพรครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก