“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2016

สัปดาห์ที่ 10 เทศกาลธรรมดา

“ท่านทั้งหลายจะเหยียบเรือสองแคมอีกนานเท่าใด” พระวาจาวันนี้เรื่องของเอลียาห์กับพวกพระบาอัลมาถึงภูเขาคาร์แมล ต้องมีการเผชิญหน้า ระหว่างความเท็จเทียมกับความจริง พระเท็จเทียมกับพระเจ้าเที่ยงแท้ ต้องเด็ดขาด และไม่มีการประณีประนอมโดยเด็ดขาดกับความเท็จเทียม พระวาจาตอนนี้อ่านสนุกมากครับ เด็จจริงๆ ครับ แต่ยาวมากๆ นะครับ พ่อขอเสนอการตีความให้อ่านตลอดเลยนะครับ โดยเริ่มต่างจากทุกครั้ง ให้อ่านตัวบทก่อน และพ่อจะทำการตีความให้อ่านนะครับ

1พกษ 18:20-39………….
20กษัตริย์อาหับทรงส่งคนไปเรียกชาวอิสราเอลทุกคนและประกาศกมาที่ภูเขาคาร์เมล 21เอลียาห์เข้ามายืนต่อหน้าประชากรทั้งหลาย พูดว่า “ท่านทั้งหลายจะเหยียบเรือสองแคมอยู่อีกนานเท่าใด ถ้าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า ก็จงติดตามพระองค์เถิด แต่ถ้าพระบาอัลเป็นพระเจ้า ก็จงตามพระบาอัลไป” ประชาชนไม่ตอบว่ากระไร 22เอลียาห์จึงพูดกับประชาชนต่อไปว่า “ข้าพเจ้าเป็นประกาศกเวห์เพียงคนเดียวของพระยาห์ที่ยังเหลืออยู่ แต่ประกาศกของพระบาอัลมีจำนวนถึงสี่ร้อยห้าสิบคน 23จงนำโคเพศผู้มาสองตัว ให้เขาเลือกตัวหนึ่ง ฆ่าแล้วตัดเป็นท่อนๆ วางบนกองฟืน แต่อย่าจุดไฟ ส่วนข้าพเจ้าก็จะเตรียมโคอีกตัวหนึ่ง วางบนกองฟืน และไม่จุดไฟ 24ท่านทั้งหลายจงเรียกพระนามพระเจ้าของท่าน ส่วนข้าพเจ้าจะเรียกพระนามของพระยาห์เวห์ พระองค์ใดทรงส่งไฟมา พระองค์นั้นทรงเป็นพระเจ้า” ประชากรทุกคนตอบว่า “เป็นข้อเสนอที่ดี” 25เอลียาห์พูดกับประกาศกของพระบาอัลว่า “จงเลือกโคตัวหนึ่งและจัดเตรียมก่อน เพราะท่านมีหลายคนด้วยกัน จงเรียกพระนามพระเจ้าของท่าน แต่อย่าจุดไฟ” 26เขานำโคมาจัดเตรียม แล้วเรียกพระนามพระบาอัลตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงวันว่า “ข้าแต่พระบาอัล โปรดตอบข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย” แต่ไม่มีเสียง ไม่มีคำตอบ เขาเต้นไปรอบๆแท่นที่เขาสร้างขึ้น 27ถึงเวลาเที่ยง เอลียาห์ก็เยาะเย้ยพวกเขาว่า “ร้องให้ดังกว่านี้ซิ เพราะพระบาอัลทรงเป็นพระเจ้า บางทีพระองค์กำลังมีกังวล กำลังทรงติดธุระ หรือกำลังเสด็จประพาส ถ้ากำลังบรรทมอยู่ ก็จงปลุกให้ทรงตื่น 28เขาเหล่านั้นจึงร้องตะโกนเสียงดังยิ่งขึ้น พลางใช้ดาบและหอกเชือดตัวตามพิธีของตน จนกระทั่งเลือดไหล 28เที่ยงวันผ่านไป เขายังคงพูดพร่ำอยู่ในภวังค์ต่อไปจนถึงเวลาถวายเครื่องบูชา แต่ไม่มีเสียง ไม่มีคำตอบ ไม่มีใครฟัง

30เอลียาห์จึงพูดกับประชากรทั้งปวงว่า “จงเข้ามาใกล้ข้าพเจ้าเถิด” ประชากรทุกคนเข้ามาใกล้เขา เอลียาห์ลงมือซ่อมแซมแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ซึ่งถูกรื้อลงแล้ว 31เอลียาห์นำหินสิบสองก้อนตามจำนวนเผ่าลูกหลานของยาโคบ ซึ่งพระยาห์เวห์ประทานนามให้ว่า “อิสราเอล” 32เอลียาห์ใช้หินเหล่านั้นสร้างแท่นบูชาถวายแด่พระนามของพระยาห์เวห์ แล้วขุดร่องน้ำรอบแท่นบูชาให้ใหญ่พอจุเมล็ดพืชได้ประมาณสองถัง 33เรียงฟืนไว้บนแท่นบูชา ตัดโคเป็นท่อนๆนำมาวางไว้บนฟืน 34สั่งว่า “จงตักน้ำมาสี่ถัง เทลงบนเครื่องบูชาและฟืน” เขาก็ทำตาม เอลียาห์สั่งอีกว่า “จงทำอีกครั้งหนึ่ง” เขาก็ทำตามอีกครั้งหนึ่ง เอลียาห์ยังสั่งอีกว่า “จงทำเป็นครั้งที่สาม” เขาก็ทำอีกเป็นครั้งที่สาม 35น้ำก็ไหลรอบแท่นบูชาเต็มร่องน้ำ 36เมื่อถึงเวลาถวายเครื่องบูชา ประกาศกเอลียาห์ก็เข้าไปใกล้พระแท่นบูชา ทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัคและอิสราเอล วันนี้โปรดทรงสำแดงให้เขาทั้งหลายรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าในหมู่ชาวอิสราเอล และข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ทุกคนจะได้รู้ว่าข้าพเจ้าได้กระทำสิ่งเหล่านี้ตามพระบัญชาของพระองค์ 37ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงตอบข้าพเจ้าเถิด โปรดทรงตอบข้าพเจ้า เพื่อประชากรเหล่านี้จะได้รู้ว่าพระองค์ พระยาห์เวห์ ทรงเป็นพระเจ้าและทรงบันดาลให้เขากลับใจมาหาพระองค์”

38พระยาห์เวห์ทรงส่งไฟลงมาเผาเครื่องบูชา ฟืน หินและฝุ่น จนหมด ทำให้น้ำในร่องแห้งไปด้วย 39ประชากรทุกคนเห็นดังนั้นก็ซบหน้าลงจรดพื้นดิน ร้องว่า “พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า” 40เอลียาห์สั่งว่า “จงจับประกาศกของพระบาอัลไว้ อย่าให้ใครหนีรอดไปได้แม้เพียงคนเดียว” เขาก็จับเอาไว้หมด เอลียาห์นำประกาศกเหล่านี้ไปที่ลำธารคิโชนแล้วประหารชีวิตที่นั่น

การตีความประเด็นสำคัญ
• ประชาชนส่วนใหญ่ติดตามพระเท็จเทียม ลืมพระยาห์เวห์ เป็นการประพฤตินอกใจต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราแอล แม้ไม่มีท่าทีเป็นอริหรือต่อต้าน แต่ท่าที่ที่สำคัญคือ การอยู่คนละข้างแบบใจเย็นเฉยนั้นน่าจะเป็นประเด็นที่สำคัญที่เอลียาห์ไม่อาจอดทนได้ จำเป็นต้องร้อนหรือหนาวอย่างใดสักอย่างหนึ่ง

• “เอลียาห์เข้ามายืนต่อหน้าประชากรทั้งหลาย” เป็นเครื่องหมายของการอยู่คนละข้าง เผชิญหน้ากัน พร้อมกับคำเรียกร้องให้ตัดสินใจของเอลียาห์ เราต้องสังเกตว่า ประชาชนนั้นรู้ว่ายาห์เวห์สำคัญ แต่สงสัยว่าความไม่สามารถตัดสินใจที่จะยืนหยัด ขาดความร้อนรน กลายเป็นความเย็นชาหรือเย็นเฉยต่อพระยาห์เวห์

• ดังนั้น เอลียาห์จึงเรียกร้องให้ตืนจากภวังค์ เหมือนหนึ่งให้รู้ตัวไม่เย็นเฉยต่อไปท่านพูดว่า “ท่านทั้งหลายจะเหยียบเรือสองแคม อยู่อีกนานเท่าใด
o ถ้าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า ก็จงติดตามพระองค์เถิด แต่
o ถ้าพระบาอัลเป็นพระเจ้า ก็จงตามพระบาอัลไป”

• การตัดสินใจ ต้องเลือกเป็นท่าทีจำเป็น “ไม่เหยียบเรือสองแคม” ไม่สามารถนับถือพระเจ้าและเงินตราพร้อมกัน หรือเท่าเทียมกัน หรือแยกไม่ออกว่าอะไรสำคัญ

• “ประชาชนไม่ตอบว่ากระไร”
o ท่าทีของความเย็นชา เย็นเฉย ไม่รู้หนาวรู้ร้อนกับการตัดสินใจ

• “ข้าพเจ้าเป็นประกาศกเวห์เพียงคนเดียวของพระยาห์ที่ยังเหลืออยู่ แต่ประกาศกของพระบาอัลมีจำนวนถึงสี่ร้อยห้าสิบคน”
o ความแตกต่างของสองฝ่าย ฝ่ายที่ต้องเรียกว่าร้อนรน หรือกระตือรือร้นเพื่อยาห์เวห์ 1 ต่อ 450 เป็นจำนวนที่ไม่อาจยอมรับได้เรื่องการแบ่งข้างที่ยุติธรรม แต่ทั้งนี้เพื่อเห็นอำนาจแท้ พระเจ้าแท้ และความสัตย์ซื่อแท้จริงของประกาศก

• การปฏิบัติเพื่อขันต่อ การร้องขอไฟจากพระเจ้ามาเผาเครื่องบูชา สะท้อน การทำพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ พระเจ้าเที่ยงแท้กับอับราฮัมในหนังสือปฐมกาล “Karat Berit” (15) ดูเหมือนเป็นการเตือนความจำและความจริงว่าพระยาห์เวห์คือพระเจ้าแห่งพันธสัญญาแท้จริง

• พระบาอัลไม่มีคำตอบ ประกาศของบาอัลไม่สามารถเรียกร้องอะไร เพราะความหมายที่ตัวบทบอกกับเราคือ “พระเท็จเทียม” หนวก ใบ้ และไม่สามารถ

• ฝ่ายเอลียาห์เมื่อถึงเวลา สิ่งที่ท่านกระทำนั้นเป็นเครื่องหมายที่สำคัญ คือ เรียกประชาชนเข้ามาห้อมล้อมท่าน ดังนั้น ดูเหมือนว่า พวกที่หลงผิด สอนผิด หลงไหล ไม่ใช่ประชาชน แต่ปัญหาคือ พวกประกาศก (พวกผู้นำทางจิตใจ) ที่หลงไปหาพระเท็จเทียม ประชาชนนั้นดูเหมือนจะมีท่าทีเป็นกลาง และเดินตามประกาศกแล้วแต่ประกาศกจะประกาศ หรือจะนำไปในทางใดเท่านั้น

• “เอลียาห์ซ่อมแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ซื่อถูกรื้อลงแล้ว”
o นานเท่าไรแล้วที่พระแท่นนี้ไม่ได้ถวายบูชาแก่พระยาห์เวห์ มีพระแท่นใหม่ๆที่ถวายแก่บาอัล และการซ่อมแซมนี้ย่อมหมายความว่า ถูกรื้อทิ้ง หรือถูกทำลายไปแล้ว ความหมายสำคัญคือ “การรื้อฟื้น” ซึ่งตรงข้ามกับการ “รื้อถอน”

• “สิบสองก้อนตามจำนวนเผ่าลูกหลานของยาโคบ ซึ่งพระยาห์เวห์ประทานนามให้ว่า “อิสราเอล” ใช้หินเหล่านั้นสร้างแท่นบูชาถวายแด่พระนามของพระยาห์เวห์”
o คู่สัญญาของยาห์เวห์คือ ประชากรที่เป็นมรดกของพระเจ้า เป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า
o “อิสราแอล” แทนด้วยสิบสองเผ่าจากนามของลูกทั้งสิบสองของยาโคบ(อิสราแอล)

• พระเจ้าสามารถส่งไฟมาเผาผลาญได้แม้จะมีน้ำมากมายอยู่ที่นั้น แสดงให้เห็นความสามารถของพระเจ้าที่โดดเด่น

• ““ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัคและอิสราเอล วันนี้โปรดทรงสำแดงให้เขาทั้งหลายรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าในหมู่ชาวอิสราเอล และข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ทุกคนจะได้รู้ว่าข้าพเจ้าได้กระทำสิ่งเหล่านี้ตามพระบัญชาของพระองค์”
o พระนามของยาห์เวห์คือพระเจ้าของบรรพบุรุษ และคำขอร้องที่สำคัญคือ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของชาวอิสราแอล พระเจ้าที่ต้องรับใช้แท้จริง
o เอลียาห์ขอเพื่อทุกคนจะได้รู้ว่า ท่านเป็น “ผู้รับใช้” แท้จริงของยาห์เวห์
o ประเด็นสำคัญของการ “เป็นผู้รับใช้แท้จริง” คือ “ทำตามพระบัญชาของพระเจ้า”
o การเป็นผู้รับใช้แท้จริงของยาห์เวห์มีเครื่องหมายสำคัญคือ การทำตามพระบัญชาของพระเจ้า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ทุกคนจะได้รู้ว่าข้าพเจ้าได้กระทำสิ่งเหล่านี้ตามพระบัญชาของพระองค์”

• เป้าหมายของการวิงวอน การทำหน้าที่ประกาศก คือ การกลับใจของประชาชน การหันมาหาพระเจ้า และยอมรับพระองค์เป็นพระเจ้า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงตอบข้าพเจ้าเถิด โปรดทรงตอบข้าพเจ้า เพื่อประชากรเหล่านี้จะได้รู้ว่าพระองค์ พระยาห์เวห์ ทรงเป็นพระเจ้าและทรงบันดาลให้เขากลับใจมาหาพระองค์” และเพื่อจะได้กลับใจ กลับมาหาพระองค์

• คงไม่ใช่ความผิดของประชาชน แต่เป็นความหลงผิด ชี้นำผิดของประกาศกเป็นสำคัญมากกว่า และที่สำคัญสงสัยว่าผู้นำทางผิด ประกาศกที่ไม่ซื่อสัตย์ อันมาจากความเมินเฉย ไม่ตัดสินใจ เย็นชา เหยียบเรือสองแคม

• “พระยาห์เวห์ทรงส่งไฟลงมาเผาเครื่องบูชา ฟืน หินและฝุ่น จนหมด ทำให้น้ำในร่องแห้งไปด้วย”
o ไฟจากฟ้าเครื่องหมายอันยิ่งใหญ่ปรากฏ เป็นพลังและอำนของพระเจ้าพระยาห์เวห์

• “ประชากรทุกคนเห็นดังนั้นก็ซบหน้าลงจรดพื้นดิน ร้องว่า “พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า” ไม่เห็นมีท่าทีของบรรดาประกาศกของบาอัลว่ามีการกลับใจ หรือกราบไหว้พระยาห์เวห์ หรือว่าสุดจะเยียวยา ยังหลง และใจแข็งกระด้างกัน ทั้งๆที่ประชาชนต่างประกาศพระเจ้าเที่ยงแท้แล้ว

• “จงจับประกาศกของพระบาอัลไว้ อย่าให้ใครหนีรอดไปได้แม้เพียงคนเดียว” เขาก็จับเอาไว้หมด เอลียาห์นำประกาศกเหล่านี้ไปที่ลำธารคิโชนแล้วประหารชีวิตที่นั่น”
o นี่เป็นเครื่องหมายของทางออก หรือจุดจบเมื่อความหลงของประกาศกเท็จนั้นสุดจะเยียวยากระมัง
o ฝ่ายหนึ่ง คือ เอลียาห์ ยอมตายแต่ไม่ยอมทำบาป
o อีกฝ่ายหนึ่งคือ ประกาศกที่หันใจไปจากยาห์เวห์ไปหาบาอัล และไม่ยอมหันใจกลับมา พวกนี้สมควรตายและไม่ปล่อยให้รอดไปสักคนเดียวใช่ไหม

• การประหารประกาศกที่ก้มหัวให้พระเท็จเทียม โดยเอลียาห์ประกาศกผู้ซื่อสัตย์นั้น ดูเหมือนเป็นความโหดร้ายเหลือเกิน แต่รูปแบบวรรณกรรมของพระคัมภีร์คงไม่ต้องการกล่าวถึงความโหดร้าย เพียงแต่สาระสำคัญคือ
o ความไม่สามารถยอมความหรือปราณีประนอมกับความไม่ซื่อสัตย์
o การเหยียบเรือสองแคม และความใจแข็งกระด้าง และไม่ยอมรับความจริง การปฏิเสธพระเจ้า และการไม่ยอมกลับใจนั่นเอง

• อันที่จริง เราพบกว่าประชาชนไม่มีใครเลยที่ถูกประหารในเรื่องราวนี้ เพราะเขาต่างกราบลงนมัสการและประกาศพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้

การไตร่ตรอง

• สิ่งที่เราต้องไตร่ตรองอย่างจริงจังคือ “ความร้อนรน” ของเรา ไตร่ตรองให้ลึกซึ้งว่าเราอยู่ฝ่ายใครจริงๆ

• เราเป็นประกาศกชนิดใดของพระเจ้าในปัจจุบัน
o ในสภาพที่ประชาชนต้องการความเห็นใจ กำลังใจ การช่วยเหลือให้รอดพ้น

• “ความซื่อสัตย์” กับ “ความไม่ซื่อสัตย์” เราแยกออกจริงๆ ไหม

• แท่นบูชาของพระเจ้าในชีวิตของเราเป็นอย่างไรบ้างครับ
o มีอะไรอยู่บนแท่นนั้นบ้างที่เราเคารพบูชาทุกวัน
o ในส่วนของพระเจ้านั้นสภาพดีใช่ไหม มีเพียงแต่ “พระเจ้าเทียงแท้” เท่านั้น หรือมี “พระเท็จเทียมอยู่มากมาย”
o เคยสังเกตเห็นพระเท็จเทียมที่เรารับใช้อยู่บ้างไหมครับ?? (อยากเห็น ไปดูกระจก เราจะเห็นพระเท็จเทียมที่เราอาจเชื่อฟังและหลงใหลมากกว่าพระเจ้าเที่ยงแท้ ความดีและความจริง)

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก