“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2016
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต 

               พระคัมภีร์วันนี้เป็นตอนโปรดปรานของพ่อมากเหลือเกินครับ... นาอามาน ชาวซีเรีย อาณาจักรซีเรียยิ่งใหญ่และเป็นที่เกรงขามต่ออาณาจักรอื่น โดยเฉพาะต่ออิสราเอล และที่ซีเรียมีเทพเจ้าริมโมน ที่ต่างคิดว่าเป็นเทพยิ่งใหญ่ มีอำนาจมามาย และเป็นที่สักการะของกษัตริย์และประชาชนชาวซีเรียเสมอมา... แต่เรื่องราวของนาอามานชาวซีเรียผู้ยิ่งใหญ่ เรียกว่าเป็นเบอร์สองรองจากกษัตริย์ซีเรีย เขาเป็นนักรบ คนใหญ่โตเคียงข้างกษัตริย์ซีเรีย แต่น่าเสียดายเขาเป็นโรคเรื้อนที่รักษาไม่หาย คงจะได้ใช้ความยิ่งใหญ่ของตน ความสามารถของซีเรียทั้งหมดจริงๆ เพื่อการนี้ และคงจะได้วิงวอนเทพเจ้าริมโมนแห่งซีเรียกจนมามายแล้วด้วยหวังว่าจะได้รับคำตอบจากพระเจ้าของตน และได้รับการเยียวยา แต่บทอ่านวันนี้ทำให้เราได้เห็น “ความเล็กน้อยของอิสราเอลที่จะแสดงความยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์อย่างไม่น่าเชื่อเลยครับ..”


พระวาจาวันนี้ “สุดยอด” พ่อยอมให้กับวรรณกรรมพระคัมภีร์ซึ่งมีพระจิตเจ้าทรงดลใจจริงๆ ยอมให้กับพระวาจาที่พระเจ้าทรงประทานให้เราจริงๆ เรามาอ่านด้วยกันนะครับ เรื่องของนาอามานชาวซีเรียในยุคปรากศกเอลีชาห์นี้มีประเด็นให้พิจารณาและไตร่ตรองมากมายสุดๆเลยครับ....
วันนี้พ่ออยากเชิญชวนให้อ่านตัวบทพระคัมภีร์เรื่องราวของนาอามานชาวซีเรียกก่อนครับ และพ่อขอให้อรรถาธิบายให้ถึงใจมากที่สุดเท่าที่พื้นที่จะอำนวยและไม่ทำให้ต้องอ่านมากจนเกินไปครับ ... วันนี้อ่านตัวบทพระคัมภีร์ก่อนนะครับ พ่อขอจัดเต็มให้อ่านแบบยาวกว่าที่พิธีกรรมจัดไว้ในมิสซานิดหน่อยนะครับ เพราะถ้าไม่อ่านแบบนี้ เราคงจะไม่ได้อ่านหรือได้ฟังทั้งครบแบบนี้จากพิธีกรรมครับ...
------------------------------

2พกษ 5:1-19….
1นาอามาน ผู้บัญชาการกองทัพของกษัตริย์แห่งอารัม เป็นคนสำคัญที่กษัตริย์ทรงยกย่องนับถืออย่างยิ่ง เพราะพระยาห์เวห์ประทานชัยชนะแก่ชาวอารัมโดยทางเขา แต่ชายฉกรรจ์ผู้นี้ป่วยเป็นโรคผิวหนังร้ายแรง 2ครั้งหนึ่ง เมื่อชาวอารัมออกไปปล้นแผ่นดินอิสราเอล เขาจับเด็กหญิงคนหนึ่งมาด้วย เด็กหญิงคนนั้นมาเป็นสาวใช้ของภรรยานาอามาน 3เธอบอกนายหญิงว่า “ถ้าเจ้านายผู้ชายเพียงแต่ไปหาประกาศกที่กรุงสะมาเรีย ประกาศกคงจะรักษาเจ้านายให้หายจากโรคได้” 4นาอามานไปเฝ้ากษัตริย์ ทูลว่าเด็กหญิงจากแผ่นดินอิสราเอลบอกอย่างนี้อย่างนี้ 5กษัตริย์แห่งอารัมตรัสตอบว่า “ไปเถิด เราจะส่งสารไปถวายกษัตริย์แห่งอิสราเอล” นาอามานจึงออกเดินทางไป นำเงินหนักสามร้อยกิโลกรัม ทองคำหนักหกพันบาท พร้อมกับเสื้อผ้าอย่างดีสิบชุดไปด้วย 6เขานำสารไปถวายกษัตริย์แห่งอิสราเอลมีความว่า “พร้อมกับสารนี้ ข้าพเจ้าส่งนาอามานผู้รับใช้คนหนึ่งของข้าพเจ้ามาเฝ้าพระองค์ เพื่อให้พระองค์ทรงรักษาเขาให้หายจากโรค” 7เมื่อกษัตริย์แห่งอิสราเอลทรงอ่านสารนั้นแล้ว ก็ทรงฉีกฉลองพระองค์ ตรัสว่า “ข้าเป็นพระเจ้า มีอำนาจให้ชีวิตหรือความตายได้กระนั้นหรือ เขาจึงส่งคนมาให้ข้ารักษา ดูซิ เห็นได้ชัดว่า เขาพยายามจะหาเรื่องกับข้า”

8เมื่อเอลีชาคนของพระเจ้าได้ยินว่ากษัตริย์ทรงฉีกฉลองพระองค์ ก็ส่งคนไปทูลกษัตริย์ว่า “พระองค์ทรงฉีกฉลองพระองค์ทำไม ขอพระองค์ทรงส่งชายคนนั้นมาหาข้าพเจ้า แล้วเขาจะรู้ว่ามีประกาศกในอิสราเอล” 9นาอามานจงขึ้นรถม้าไปหยุดที่ประตูบ้านของเอลีชา 10เอลีชาใช้คนไปบอกเขาว่า “จงไปชำระตัวในแม่น้ำจอร์แดนเจ็ดครั้ง แล้วเนื้อหนังของท่านจะหายจากโรคและสะอาดเหมือนเดิม” 11นาอามานโกรธมากจึงจากไป กล่าวว่า “ดูซิ ข้าพเจ้าคิดว่าอย่างน้อยเขาจะออกมายืน เรียกขานพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา ใช้มือโบกตรงที่เป็นโรค และรักษาโรคให้หาย 12แม่น้ำอาบานาและปารปาร์ที่กรุงดามัสกัสไม่ดีไปกว่าน้ำทั้งหมดในอิสราเอลดอกหรือ ทำไมข้าพเจ้าจึงไม่ชำระตัวในแม่น้ำเหล่านั้นและหายจากโรคเล่า” เขาหันหลังกลับไปด้วยความโกรธ 13บรรดาผู้รับใช้ของเขาเข้ามาเตือนว่า “นายขอรับ ถ้าประกาศกบอกท่านให้ทำสิ่งยาก ท่านก็คงจะทำตามไม่ใช่หรือ บัดนี้ เขาบอกแต่เพียงว่า จงไปชำระตัว แล้วท่านจะหายจากโรค” 14นาอามานจึงลงไปจุ่มตัวลงในแม่น้ำจอร์แดนเจ็ครั้งตามที่คนของพระเจ้าบอก แล้วเนื้อหนังของเขาก็หายจากโรค สะอาดเหมือนผิวของเด็กเล็กๆ

15นาอามานกับผู้ติดตามทุกคนกลับไปหาคนของพระเจ้า มายืนต่อหน้าเขา กล่าวว่า “บัดนี้ ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดทั่วแผ่นดิน นอกจากพระเจ้าของอิสราเอลเท่านั้น ขอท่านกรุณารับของกำนัลจากผู้รับใช้ของท่านเถิด” 16เอลีชาตอบว่า “พระยาห์เวห์ซึ่งข้าพเจ้ารับใช้ทรงพระชนม์อยู่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่รับสิ่งใดจากท่านฉันนั้น” นาอามานยังรบเร้าให้เอลีชารับ แต่เขาปฏิเสธไม่ยอมรับ 17นาอามานจึงขอร้องว่า “ถ้าท่านไม่ยอมรับ ขอให้ข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของท่านนำล่อสองตัวบรรทุกดินจากที่นี่กลับบ้าน เพราะผู้รับใช้ของท่านจะไม่ถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาใดๆแด่พระเจ้าอื่น นอกจากแด่พระยาห์เวห์เท่านั้น 18ข้าพเจ้าหวังว่าพระยาห์เวห์จะทรงอภัยโทษแก่ผู้รับใช้ของท่าน เมื่อข้าพเจ้าตามเสด็จกษัตริย์ไปนมัสการเทพเจ้าริมโมนในวิหาร กษัตริย์จะทรงพิงแขนข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะต้องกราบลงในวิหารของเทพเจ้าริมโมนพร้อมกับกษัตริย์ด้วย ขอพระยาห์เวห์ทรงอภัยโทษแก่ผู้รับใช้ของท่านเพราะการนี้ด้วยเถิด” 19เอลีชาตอบว่า “จงไปเป็นสุขเถิด”
-------------------------------

อรรถาธิบายและไตร่ตรองประเด็นสำคัญ
• เรื่องราวของเอลีชาประกาศกผู้สืบสานงานประกาศกของเอลียาห์ ในชีวิตของเอลีชาห์มีเรื่องราวของนาอามานชาวซีเรียคนนี้เป็นเรื่องที่โดดเด่นและมีความหมายอย่างมาก เรื่องนี้ทำให้เห็นถึงพลังและความสามารถของพระเจ้าที่แสดงออกโดยทางประกาศก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประกาศอย่างเด็ดขาดของนาอามาน

• เราต้องไม่ลืมว่า กษัตริย์แห่งอารัมหรือซีเรียขณะนั้นมีอำนาจมากในสมัยนั้น เป็นที่เกรงขามของชาติต่างๆ โดยรอบและโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาณาจักรอิสราเอล กษัตริย์แห่งอิสราเอลก็ต้องยำเกรงอำนาจของกษัตริย์แห่งอารัมเช่นกัน

• กษัตริย์แห่งมีนายทหารคนสนิท ชื่อ “นาอามาน” ซึ่งเป็นถึง “ผู้บัญชากรองทัพกษัตริย์แห่งอารัม” เป็นคนสำคัญและกษัตริย์ก็ยกย่องนับถือ เราเห็นว่า เขาคือผู้นำชัยให้กับกษัตริย์ แต่อ่านดีๆนะครับ เราจะเห็นว่าพระคัมภีร์เขียนว่า เป็น “พระเจ้า พระยาห์เวห์” ผู้ทรงประทานชัยชนะให้กับเขาแม้ไม่ใช่ชาวอิสราเอลก็ตาม พระเจ้าเท่านั้นมีบทบาทให้ชัยชนะแม้ของกษัตริย์ต่างชาติคนนี้ ในกรณีของนาอามาน

• ชื่อ “นาอามาน” Naaman ในภาษาฮีบรู נַעֲמָן คำแปลชื่อนี้แปลว่า “ความสุขสันต์ยินดี” (Pleasantness) เป็นชาวอาราเมียน Aramean หรือ “ชาวอารัม” เป็นผู้นำกองทัพของกษัตริย์อารัม คือ เบน-ฮาดัด ที่ II กษัตริย์แห่งอารัม ดามัสกัส ซึ่งในชณะนั้นเป็นเวลาเดียวกับอิสราเอลในยุคสมัยของกษัติย์โยรัม

• ประเด็นปัญหาสำคัญที่ไม่มีทางออก จนมุม และเป็นจุดด้อยของแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้คือ “โรคร้าย” ที่ก่อความรำคราญและไร้ทางเยียวยาตามธรรมชาติของมนุษย์ในสมัยนั้น
o โรคเรื้อนเป็นโรคที่เราทราบว่าไม่มีทางรักษาให้หายขาดและเป็นที่น่ารังเกียจ
o ต้องตัดขาดจากสังคม

• ประเด็นของพระคัมภีร์อยู่ที่การไร้ความสามารถในการเยี่ยวยา และจนปัญญาตามประสามนุษย์

• ประเด็นสำคัญเริ่มต้นขึ้นนั้น เราพบได้ในข้อที่ 2 ของพระคัมภีร์บทนี้
o จุดเริ่มต้นของความสามารถของพระเจ้าแห่งอิสราเอลที่จะแสดงความเหนือชั้น
o พลังอันยิ่งใหญ่แท้จริงนั้น
o เริ่มต้นเรื่องอย่างนุ่มนวลและดูไร้พลังโดยสิ้นเชิง นั้นคือ “เด็กหญิงคนหนึ่งที่ถูกจับมามาเป็นเชลย และได้มาเป็นสาวใช้ของภรรยาของนาอามาน”
• เรื่องนี้ ชวนให้คิดถึง “โยเซฟ” ในปฐมกาลบทที่ 37 เป็นต้นไป ที่บ้านของโปร์ติฟา ภรรยาของโปร์ติฟา และเด็กหนุ่มที่เป็นทาสที่ซื้อมาจากแผ่นดินอิสราเอล ในที่สุดเขาแสดงให้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าแห่งอิสราเอล พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ทรงพระนามว่า “พระยาห์เวห์”

• สำหรับเรื่องของนาอามานเราเห็นและสะท้อนได้ว่า
o จากความเล็กน้อยของเด็กหญิงคนนี้
o เป็นพลังของผู้เล็กน้อยที่สามารถสร้างประสบการณ์ยิ่งใหญ่
o “เพราะพระยาห์เวห์” พระเจ้าแสดงพลังอันยิ่งใหญ่แห่งการช่วยให้รอดที่พระองค์ทรงทำเพื่อประชากรของพระองค์

• อันที่จริงเสียงอันเล็กน้อยของทาสหญิงเล็กๆ ไม่ควรได้รับความใส่ใจแต่อย่างใด เหมือนกับการทำนายฝันของโยเซฟในคุกก็ถูกลืมไประยะหนึ่ง

• คำพูดจากเด็กหญิงทาสที่คงพูดแบบไม่มีอำนาจอะไร แต่เธอพูดจากความเชื่อมั่นในพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระเจ้าของบรรพบุรุษของเธอ พระเจ้าที่นมัสการในแผ่นดินของเธอ...
o ฟังเสียงของเธอสิครับ....เธอบอกนายหญิงว่า
o “ถ้าเจ้านายผู้ชายเพียงแต่ไปหาประกาศกที่กรุงสะมาเรีย ประกาศกคงจะรักษาเจ้านายให้หายจากโรคได้” (แค่ประกาศกในสะมาเรียกหรืออาณาจักรอิสราเอลก็พอแล้วกับความเป็นไปไม่ได้ในกรณีโรคเรื้อนของนาอามานผู้ยิ่งใหญ่แห่งซีเรีย)

• ที่สุดจากเสียงเล็กๆของเด็กหญิงคนนี้ ซึ่งพ่อย้ำว่า เป็น “เสียงของเด็กหญิงเล็ก” เรียกว่าเป็นเสียงอันเล็กน้อย หรือ “วาจาแห่งความเชื่อของเด็กเล็ก” (Voice of minority)

• เสียงเล็กน้อยนี้ได้ขึ้นไปถึงนายหญิงของตน คือภรรยาของนาอามาน และที่สุดได้ขึ้นไปถึงนาอามาน... กลับกลายเป็น “เสียงแห่งความหวังสำหรับนาอามานผู้สิ้นหวัง” (Voice of Hope for the hopeless)

• คนแบบนาอามาน ไม่ควรจะเชื่ออะไรกับเสียงของเด็กคนนี้ แต่คนที่สิ้นหวังในความเจ็บป่วยเช่นนี้ก็มีความหวังเสมอในทุกเรื่องทุกโอกาส... ที่สุดเสียงเล็กๆวาจาน้อยๆก็ทำให้นาอามานตัดสินใจออกเดินทางแสวงหาพลังอำนาจของพระเจ้า (ความจริงเราต้องเรียกว่าเป็นเสียงกระซิบที่เบาเหลือเกิน และอย่างน้อยเสียงนี้ได้ให้ความหวังกับความมุ่งมั่นที่จะแสวงหาความรอดของนาอามาน)

• จากเสียงของเด็กหญิง... แปลกตรงที่ว่า “กษัตริย์แห่งอารัมก็เอาด้วยจริงๆ”
o กษัตริย์ทรงอนุญาตให้เดินทางพร้อมบรรณาการ
o พร้อมกับทรงพระอักษรถึงกษัตริย์แห่งอิสราเอล ประหนึ่งเป็นสัมพันธ์ไมตรีและการขอร้องระหว่างชาติสองชาติที่เริ่มจากเสียงแผ่วเบาของเด็กหญิงทาสคนนี้
o จำเป็นต้องไปที่สะมาเรีย ไปหาประกาศก “คนของพระเจ้า” เขาจะรักษาให้หายได้
o ความเชื่อในพลังของพระเจ้าโดยทาง “ประกาศก” ซึ่งในที่นี้หมายถึงท่านประกาศกนามว่า “เอลีชาห์”
o ประกาศกเอลีชาห์ Elisha ภาษาฮีบรู אֱלִישָׁע, ʼĔlîšāʻ; ชื่อหมายความว่า “พระเจ้าทรงเป็นความรอดพัน” "My God is salvation", ภาษากรีก Ἐλισσαῖος, ภาษาอาราบิก اليسع Al-yasaʻ

• นาอามาน ออกเดินทางพร้อมกับราชสาสน์ของกษัตริย์ พร้อมกับทรัพย์สิน เงินทอง และบรรณาการตามธรรมเนียมของกษัตริย์สมัยนั้น เป็นดังรางวัลและสิ่งตอบแทน ถ้าสามารถได้รับสิ่งที่เขาคาดหวังจากความสิ้นหวังเมื่อมาถึงแผ่นดินอิสราเอล

• เขานำสารไปถวายกษัตริย์แห่งอิสราเอลมีความว่า “พร้อมกับสารนี้ ข้าพเจ้าส่งนาอามานผู้รับใช้คนหนึ่งของข้าพเจ้ามาเฝ้าพระองค์ เพื่อให้พระองค์ทรงรักษาเขาให้หายจากโรค” กษัตริย์แห่งอารัมและนาอามานได้เชื่อในคำของเด็กหญิง ไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ พ่อเรียกตอนนี้ว่า “พลังของเสียงเล็กๆในพระคัมภีร์ เสียงของผู้เล็กน้อย เสียงร้องของผู้เล็กน้อย” (Voice of minority) ชาวอารัมทั้งกษัตริย์และนาอามานได้แสดงความหวังที่มีต่อกษัตริย์แห่งอิสราเอล ที่ว่าสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในอารัมที่ยิ่งใหญ่จะสามารถเป็นไปได้ในอิสราเอล

• กษัตริย์แห่งอิสราแอล โมโหมากๆ ทรงฉีกฉลองพระองค์ คือ
o การฉีกฉลองพระองค์เครื่องหมายแห่งการโกรธแค้นของกษัตริย์แห่งอิสราเอล
o คำพูดต่อไปนี้เป็นการพูดเชิงประชดประชัน แต่ขณะเดียวกันคำพูดเหล่านี้เป็นการประกาศความจริงและความสามารถของพระเจ้าแห่งอิสราเอล “ข้าเป็นพระเจ้า มีอำนาจให้ชีวิตหรือความตายได้กระนั้นหรือ เขาจึงส่งคนมาให้ข้ารักษา ดูซิ เห็นได้ชัดว่า เขาพยายามจะหาเรื่องกับข้า”
o การกล่าวเช่นอันที่จริงทำให้เห็นว่า ถ้ามีพระเจ้าจริงสิ่งเหล่านี้ก็ต้องเป็นไปได้ทั้งหมด

• กษัตริย์แห่งอิสราเอลโกรธ และคิดว่านี่คือการหาเรื่องเพื่อให้เกิดการทะเลาะและถึงขึ้นที่จะมายึดอิสราเอล ความคิดสำคัญคือจะเป็นไปได้อย่างไร การจะรักษาคนโรคเรื้อนให้หาย ความโกรธทั้งหมดและข้อความเหล่านี้เท่ากับเป็นการเร่งให้เห็นความจริงว่า พระเจ้า พระยาห์เวห์ทรงสามารถจริงๆ และพระองค์เป็นพระเจ้าเหนือชีวิตและความตายจริงๆ เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้

• บทบาทของเอลีชาห์เริ่มจากความโกรธของกษัตริย์
o ประหนึ่งต้องการบอกว่าทำไม่ต้องโกรธ
o ไม่เชื่อในพระเจ้าหรือ
o ไม่เชื่อในพระยาห์เวห์หรือ

• เอลีชาห์ส่งคนไปหากษัตริย์กล่าวว่า “พระองค์ทรงฉีกฉลองพระองค์ทำไม ขอพระองค์ทรงส่งชายคนนั้นมาหาข้าพเจ้า แล้วเขาจะรู้ว่ามีประกาศกในอิสราเอล”

• ฉากสำคัญ “การเผชิญหน้าของนาอามานกับประกาศก” เมื่อรถม้าที่แสนทะนงองอาจมาจอดหน้าเรือนที่พักที่แสนจะต่ำต้อยของประกาศกเอลีชาห์ นาอามานแม่ทัพแห่งอารัมหยุดรถม้าหน้าบ้านของประกาศกในแผ่นดินอิสราเอล
o นาอามานอยู่บนรถม้า เพราะเขาเป็นถึงแม่ทัพแห่งอารัม เป็นที่ไว้วางใจของกษัตริย์แห่งอารัม มีอำนาจ มีชัยชนะ และทรงพลัง
o ประกาศกอยู่ในบ้าน กลับไม่ได้ออกมาพบเขา... ดูประกาศกทำสิ... กลับเพียงแต่ส่งคนใช้ของตนให้ออกมาบอกนาอามานว่า “จงไปชำระตัวในแม่น้ำจอร์แดนเจ็ดครั้ง แล้วเนื้อหนังของท่านจะหายจากโรคและสะอาดเหมือนเดิม”

• ความโกรธของนาอามาน ความหวังของนาอามาน
o คิดว่าพระยาห์เวห์พระเจ้ายิ่งใหญ่ และคิดว่าประกาศกเอลีชาห์จะต้องออกมาพบตนเพื่อแสดงอำนาจยิ่งใหญ่แบบที่เขาไม่เคยพบที่ใด
o คิดว่าจะได้รับการต้อนรับ ออกมา ปกมือ หรือโบกมืดตรงแผล “ดูซิ ข้าพเจ้าคิดว่าอย่างน้อยเขาจะออกมายืน เรียกขานพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา ใช้มือโบกตรงที่เป็นโรค และรักษาโรคให้หาย”

• ความโกรธของนาอามานมีเหตุผลตามประสามนุษย์จริงๆ
1. ทำไม่ประกาศกไม่ออกมา
2. ทำไมไม่มาภาวนาหรือแสดงปาฏิหารย์
3. ทำไมไม่ปกมือแสดงพลัง โบกมือตรงที่เป็นโรคและทำให้หาย
4. ทำไมไม่เรียกขาน “พระนามของพระเจ้าแห่งอิสราเอล”
5. ทำไมส่งออกมาแต่คำสั่งให้ไปจุ่มตัวในแม่น้ำจอร์แดน (แม่น้ำขนาดเล็กนิดเดียว) เมื่อเทียบกับแม่น้ำแห่งดามัสกัสซึ่ง “ดีกว่าไม่น้ำทั้งหลายในอิสราเอล”

• เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มา โรคร้ายที่ไม่มีทางรักษา แต่เริ่มจากเสียงของเด็กหญิงทาส และยังให้เป็นจุ่มตัวในแม่แม่น้ำสายเล็กๆ เล็กจริงๆที่ชื่อจอร์แดน ฯลฯ เล็กกว่าคลองหนองบัวหลังบ้านพ่อเสียอีก... บางจุดกระโดดข้ามยังได้เลย....

• ดังนั้นความโกรธของนาอามานที่พรุ่งพล่านก็ “มีเหตุผล” เขาจึงหันหลังกลับไปด้วยความโกรธ

• เสียงเรียกร้องของผู้รับใช้ของนาอามานเตือนสติ (เสียงร้องจากคนเล็กน้อยอีกแล้ว voice of minority) เรียกร้องให้เขาเลือกทำสิ่งที่เล็กน้อยตามที่ท่านประกาศกบอก นั่นหมายถึง
1. ต้องลงจากรถม้า
2. สงบจิตใจยอมรับทำในสิ่งที่ดูเล็กน้อยเหลือเกิน
3. ยอมลงไปจุ่มตัวในแม่น้ำเล็กๆ ตามคำสั่งของประกาศก ในแผ่นดินอิสราเอล

• ในที่สุด...เมื่อนาอามานผู้ยิ่งใหญ่แห่งอารัมยอมถ่อมตน ยอมฟังเสียงผู้เล็กน้อยรอบกายตน ยอมทำตาม... ผลก็คือ “นาอามานจึงลงไปจุ่มตัวลงในแม่น้ำจอร์แดนเจ็ดครั้งตามที่คนของพระเจ้าบอก แล้วเนื้อหนังของเขาก็หายจากโรค สะอาดเหมือนผิวของเด็กเล็กๆ”

• ที่สำคัญกว่านั้น คือ เกินกว่าเพียงหายจากโรค แต่ผิวของเขาสะอาดเหมือนผิวเด็กเล็กๆ เหมือนกับการเกิดใหม่ทีเดียวเชียว นี่เป็นการประกาศถึงประกาศิตแห่งพลังของพระเจ้าสามารถรักษาเขาอย่างง่ายดาย ง่ายดายและเกิดผลยิ่งใหญ่เกินคาด เกินกว่าที่จะเข้าใจได้ เพราะอันที่จริงนี่คือพลังของพระเจ้าพระยาห์เวห์

• คำประกาศยืนยันความเชื่อในพระยาห์เวห์อย่างเป็นทางการของนาอามานชาวซีเรียผู้ยิ่งใหญ่ เรียกว่าเป็น “Solemn Profession of Faith” ต่อหน้าประกาศกเอลีชาห์ “บัดนี้ ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดทั่วแผ่นดิน นอกจากพระเจ้าของอิสราเอลเท่านั้น ขอท่านกรุณารับของกำนัลจากผู้รับใช้ของท่านเถิด”

• ของขวัญและการตอบแทนเพื่อเพิ่มความร่ำรวยให้กับประกาศก
o สิ่งที่นาอามานนำมาตอบแทน และได้ขอให้ประกาศกได้รับบรรณาการนั้นที่ตนได้นำมาจากอารัม จากกษัตริย์อารัมที่พระราชทานมาให้...
o แต่คำตอบจากประกาศกเอลีชาห์ คือ “พระยาห์เวห์ซึ่งข้าพเจ้ารับใช้ทรงพระชนม์อยู่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่รับสิ่งใดจากท่านฉันนั้น” (สำนวนแบบนี้พบบ่อยกับคนของพระเจ้า จะไม่มีวันรับบรรณาการจากมนุษย์)
o สำนวนนี้เกือบจะซ้ำประโยคที่อับราฮัมได้พูดกับกษัตริย์แห่งโซดม เมื่อได้ชัยชนะเหนือกษัตริย์สี่พระองค์และได้ช่วยโลทหลานชายกลับมา (เทียบ ปฐก 14) “แต่อับรามทูลตอบกษัตริย์เมืองโสโดมว่า 'ข้าพเจ้าขอสาบานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าสูงสุด ผู้ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดินว่า ข้าพเจ้าจะไม่เอาสิ่งใดที่เป็นของพระองค์ไว้เลยแม้แต่ด้ายเส้นเดียว หรือสายรัดรองเท้า เพื่อมิให้พระองค์ตรัสได้ว่า "เราได้ทำให้อับรามร่ำรวยขึ้น"”
o สรุปความหมายสำคัญคือว่า ความร่ำรวยไม่ได้มาจากสงครามหรือจากบรรณาการใดๆ แต่มาจากพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

• นาอามานยังรบเร้าให้เอลีชารับบรรณาการ.. แต่เขาปฏิเสธไม่ยอมรับ นาอามานจึงขอร้องและรบเร้าประกาศกว่า “ถ้าท่านไม่ยอมรับ ขอให้ข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของท่านนำล่อสองตัวบรรทุกดินจากที่นี่กลับบ้าน เพราะผู้รับใช้ของท่านจะไม่ถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาใดๆแด่พระเจ้าอื่น นอกจากแด่พระยาห์เวห์เท่านั้น”

• พ่อชอบประเด็น “การขอใช้ล่อสองตัวเพื่อบรรทุกดินจากอิสราเอล” นี้อย่างจับใจ อ่านทุกครั้งปลื้มทุกที...

• การขอเอาดินของอิสราเอลกลับไปมีความหมายมากๆจริงๆ คือว่า นับจากนี้ไปนาอามาน แม้จะอยู่แผ่นดินอารัมก็ตาม แต่เขาจะกราบนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลบนดินของอิสราเอลเท่านั้น นี่เป็นการประกาศทางการของนาอามานคือเขายอมรับว่า “พระเจ้าเที่ยงแท้มีแต่พระยาห์เวห์ผู้เดียวทรงเป็นพระเจ้าแห่งแผ่นดินอิสราเอลเท่านั้น”
o สมมติฐาน คือ สงสัยว่า เมื่อเขากลับไป เขาเอาดินนี้ไปโรยทั่วที่เขาจะนมัสการพระเจ้าที่บ้านของเขา
o และทุกครั้ง ทุกวันตลอดไปเขาจะได้ระลึกว่าเขายืนบนแผ่นดินอิสราเอล แผ่นดินที่มีพระเจ้าเที่ยงแท้เสมอ... พี่น้องของเราบางศาสนาก็ทำเช่นกัน เวลานมัสการพระเจ้าต้องปูพรมพิเศษเฉพาะและหันหน้าไปหานครศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน

• นาอามานสุภาพและถ่อมตนมาก... เพราะเขายังได้ขอร้อง และถึงขนาดขออภัย ถ้าในอนาคต เขาต้อง “โดยจำเป็นและโดยหน้าที่” เมื่อต้องตามกษัตริย์แห่งอารัมไปที่ต่างๆ และต้องแสดงตนเคียงข้างกษัตริย์แห่งอารัมเมื่อต้องย่อตัวลงโดยจำเป็น คือ “โดยจำเป็นและโดยหน้าที่” ทำให้ต้องก้มลงต่อหน้าเทพเจ้าริมโมนพร้อมกับกษัตริย์ แต่เขาก็ขอพระเจ้าเที่ยงแท้เมตตาอภัยด้วย นั่นคือความจริงที่ว่านับจากนี้ไปพระเจ้าเที่ยงแท้ของนาอามานคือพระยาห์เวห์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

• การขออภัยจากพระเจ้า โดยหน้าที่ที่นาอามานต้องทำนี้ เป็นข้อความที่มีความระเอียดอ่อนและแสดงให้เห็นจิตใจที่จงรักภักดีและศรัทธาในพระเจ้าพระยาห์เวห์อย่างแท้จริง

• คำพูดของนาอามานน่าประทับใจอย่างยิ่ง เพราะแม้ว่าเขายังคงต้องรับใช้กษัตริย์แห่งอารัมตามฐานะของเขา แต่จิตใจเขาแท้จริงนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

พี่น้องที่รับครับ อ่านแล้วพ่อมีข้อคิดไตร่ตรองสั้นๆครับ
1. เราจงนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้เสมอไป
2. ไม่มีอะไรที่พระเจ้าเที่ยงแท้ทำไม่ได้ ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับพระองค์
3. พระองค์ทำให้สิ่งที่เล็กน้อยในสายตามนุษย์ แต่กลับได้แสดงออกซึ่งอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์
4. เราโอกาสมหาพรต และตลอดไป จงพยายามฟังเสียงเล็กน้อย เสียงของคนเล็กน้อยรอบข้างเราบ้างนะครับ.... คนที่ใหญ่คับฟ้าและลืมฟังเสียงเล็กน้อยอาจเป็นคนน่าสงสารนะครับ เพราะการฟัง คือ บ่อเกิดของปรีชาญาณ และ
5. พระเจ้ามักจะตรัสในผู้เล็กน้อยเพื่อสอนเราถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์
6. อย่าลืมกระทำดีกับผู้เล็กน้อยนะครับ เพราะพระเยซูเจ้าตรัสว่า “สิ่งที่ท่านทำกับผู้เล็กน้อยคนหนึ่งของเราครั้งใด ท่านทำกับเราเอง”...
7. ศาสนาขอเราสอนเรื่อง ความสุภาพ ถ่อมตน และอ่อนโยนเสมอนะครับ จงเป็นคนอ่อนโยน น่ารัก นั่นแหละครับคนที่มีพระเจ้าจริงๆ ถ้าเรายอมรับว่ามีพระองค์ เราก็ถ่อมตนโดยทันทีครับ
8. สุดท้าย... อย่าเป็นคริสตชน นักบวช พระสงฆ์ เพราะเห็นแก่บรรณาการ เงินทอง หรือทรัพย์สินและของเส้นบวงสรวงสังเวยใดๆเลยครับ พระเจ้าเท่านั้นที่จะทำให้เราอยู่ได้อย่างสมศักดิ์ศรี และเราก็ไม่เป็นหนี้ใครนอกจากเป็นหนี้ความรักของพระเจ้าครับ

ขอพระเจ้าอวยพรครับ ขออภัยที่เขียนให้อ่านยาวนะครับ... ยังมีแง่มุมอีกมากที่ศึกษาไตร่ตรองได้ครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก