“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2016
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต 

 พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ที่เราจะได้อ่านในพิธีกรรมบูชาขอบพระคุณ บทอ่านจากหนังสือประกาศกมีคาห์ ก็อีกแหละครับไม่บ่อยนักเลยที่เราจะได้ยินชื่อ “ประกาศกมีคาห์” ดังนั้น วันนี้เรามาเริ่มต้นกันแบบเบาๆเคล้าความรู้เล็กเกี่ยวกับท่านประกาศกนิดหน่อยนะครับ

มคา 7:14-15,18-20…
14โปรดทรงใช้ไม้ขอของผู้เลี้ยงแกะเลี้ยงดูประชากร
คือฝูงแพะแกะที่เป็นมรดกของพระองค์
ซึ่งอาศัยโดดเดี่ยวอยู่ในป่า
ที่มีแผ่นดินอุดมสมบูรณ์อยู่โดยรอบ
โปรดทรงให้เขาหากินอยู่ในแคว้นบาชานและกีเลอาด
เหมือนในสมัยก่อน

18เทพเจ้าใดเล่าเป็นเหมือนพระองค์
ผู้ทรงให้อภัยความผิด
และทรงมองข้ามการล่วงละเมิด
แก่ผู้ที่เหลืออยู่เป็นมรดกของพระองค์
พระองค์ไม่ทรงรักษาพระพิโรธไว้ตลอดไป
แต่พอพระทัยแสดงความรักมั่นคง
19ขอพระองค์ทรงพระเมตาต่อข้าพเจ้าทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง
โปรดทรงเหยียบย่ำความผิดของข้าพเจ้าทั้งหลาย
พระองค์จะทรงเหวี่ยงบาปของข้าพเจ้าทั้งหลายลงไปในทะเลลึก
20พระองค์จะทรงแสดงความซื่อสัตย์แก่ยาโคบ
ทรงแสดงความรักมั่นคงแก่อับราฮัม
ดังที่เคยทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลายตั้งแต่นานมาแล้ว

-----------------------------------
อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• อ่านมีคาห์เพียงสั้นๆในมิสซาของวันนี้แล้ว เราจะได้เห็นความงดงามของพระเจ้าที่ไม่มีพระใดจะเหมือนพระองค์ได้เลย

• วันนี้พ่ออยากจะกล่าวถึงความจริงของพระเจ้าของเราประการหนึ่งที่เราได้เรียนรู้ และพึงไตร่ตรองที่สุจากข้อความพระวาจาวันนี้ คือ “เทพเจ้าใดเล่าเป็นเหมือนพระองค์ผู้ทรงให้อภัยความผิด และทรงมองข้ามการล่วงละเมิดแก่ผู้ที่เหลืออยู่เป็นมรดกของพระองค์ พระองค์ไม่ทรงรักษาพระพิโรธไว้ตลอดไป แต่พอพระทัยแสดงความรักมั่นคง”...
o ประสบการณ์ : สิ่งที่ยากจริงๆนะสำหรับมนุษย์ คือ “การให้อภัย” ใช่ไหมครับ
o ไม่ง่ายเลยครับที่จะสอนเรื่องการให้อภัย... มีคำหนึ่งที่พ่อเจ็บปวดที่สุดเวลาที่พ่อได้ยินหรือได้ทราบจากสัตบุรุษหรือใครๆก็ตามที่พ่อรู้จัก นั่นคือคำว่า “แค้น”
o พ่อเชื่อว่า “ความแค้น” เป็นอะไรที่เป็นไฟสุมในหัวใจและทำให้คนเราไม่มีความสุขเอาเสียเลย...
o แต่ก็แปลกนะครับ... พ่อก็ดูละครไทยที่ใครๆเขาชอบเรียกว่า ละครน้ำเน่า... พ่อชอบโดนคนที่รู้จักพ่อดีสนิทกันเรียกพ่อเวลาเห็นพ่อดูละครว่า “พ่อน้ำเน่า” ยิ่งมื่อก่อนนั้น พ่อก็ดูละครแบบนี้อยู่เนืองๆ แต่ ณ ปัจจุบันไม่ค่อยได้ดูแล้ว ครั้งหนึ่งนานใช้ได้มีคนถามว่า “ได้ดูสามีตีตราหรือเปล่า” พ่อตอบเลยว่า “เปล่า ไม่ได้ดู ไม่อยากเสียเวลา ไม่อยากดูแล้ว ได้ยินว่ามีแต่ความรุนแรงและแย่งชิงคู่กัน... ไม่เอาไม่ดู เพราะว่าดูแล้วให้เกิดความรู้สึกรุนแรง และวิธีคิดผิดๆ...”
o อย่างไรก็ตาม ในอดีตที่ผ่านมาก พ่อมักจะโดนแซวประจำเลยว่าพ่อละครน้ำเน่าครับ...
o พ่อแปลกใจว่า ละครน้ำเน่าแบบนี้ ถ้าไม่มีตัวอิจฉาที่อิจฉาทำร้าย ทำร้ายกาจแบบทำซ้ำทำซ้อน มีหัวใจและสายตายที่เคียดแค้นแสนแสบทรวง สายตาที่ถูกสอนถูกฝึกหรือเป็นธรรมชาติที่เรียกว่า “born to be” หรือ “to be born” (เกิดมาเพื่อเป็น หรือเป็นมาแต่เกิดก็ไม่รู้) แต่อย่างไรก็ตามบรรดาเจ้าตัวร้าย นางร้าย ถ้าจะให้ละครสนุกๆ ต้องก็ร้าย ร้าย ร้าย จริงๆ แต่ตัวร้ายก็มักจะเป็นตัวละครที่ทำให้เรื่องทำให้เนื้อเรื่องเดินไปอย่างน่าติดตาม สนุกได้ใจเหมือนกันนะครับ...
o ละครไม่มีนางร้ายแสนร้าย ชนิดตบหรือถูกตบตกบันไดชนิดที่ต้องฉายซ้ำ สโลว์โมชั่นซ้ำๆๆๆ เพื่อให้คนดูได้สะใจ ได้อิ่มเอิบกับสมใจกันไปเสียอย่างนั้น ถ้าเป็นเวลานี้นางร้ายทั้งหลายก็ต้องเป็นประเภทรวย สวย เริด เชิด หยิ่ง พ้อยต์เท้าพ้อยต์ท่าหน้าหยิ่งตาจิกๆๆๆ ตลอดทั้งเรื่องแหละครับ สร้างอารมณ์ขุ่นมัวโมโหให้คนดูขนาดที่ถ้าเจอตัวจริงอาจเข้าไปตบได้เลย “อินเนอร์” กันสุดๆ
o เอ... ฤาว่าความร้ายความโกรธ ความแค้น เกลียดและริษยา มันจะเป็นอะไรที่ฝั่งอยู่ในใจของเรามนุษย์ลึกๆไม่มากก็น้อย... ความร้ายกาจฝังรากอยู่ในใจเรา เราจึงอยากดูให้ถึงที่สุดและที่สุดคือเมือนางร้ายมาถึงแก่การจนมุม ร้ายเสียจนจนใจจนทางเดินต่อไป....
o ฤา ว่าคนเราในความลึกมีสิ่งที่เรียกว่า “ความโน้มเอียงในทางบาป ทางเห็นแก่ตัว และทางร้าย ฝั่งรากลึกๆอยู่อย่างเงียบๆ” ก็เป็นได้นะ... เพราะเรามนุษย์แม้เป็นคริสตชนหรือแม้แต่เป็นนักบวชหรือพระสงฆ์ก็ตาม เราต่างก็ยังเป็น “ทาสของบาปและความโน้มเอียงทางชั่วร้าย” หรือจะเรียกว่าเป็นทาสของ “ความโน้มเอียง” ก็เป็นได้นะครับ...
o ดังนั้น เวลาเราดูละครเรามักจะแอบคล้อยหรือที่เรียกว่า “อิน” ไปกับเรื่องราวอย่างเงียบๆ ดูเหมือนเราไม่ชอบและไม่พอใจกับตัวร้ายหรือขนาดเกลียดชังตัวร้ายเหลือเกิน (เขาว่ากันว่าขนาดตัวร้ายไปเดินในตลาดนอกฉากละคร ก็ยังทำให้แม้ค้าในตลาดอยากจะลงไม้ลงมือสักทีเหมือนกัน...อินมาก)
o แต่เราก็ติดละคร ติดใจ หรือมันส์ไปกับความชั่วร้ายเคียดแค้นและเกลียดชังเหมือนกัน... บางเรื่องก็ติดกันทั้งบ้านทั้งเมือง.. ขนาดที่เรียกว่า แก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯได้เลยในช่วงเวลาละครออกอากาศก็ยังมี... ใช่ไหมครับ...
o พ่อจำได้ว่าเคยเห็นสัตบุรุษแต่งชุดดำมาวัดวันอาทิตย์กันล้นหลาม... พ่องง งง งง เออ วันนี้มีอะไร ไม่มีงานศพใครสักหน่อย วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่..
o อ๋อ เขาบอกกันว่า ไว้ทุกข์ให้พระเอก เพราะคืนนี้เป็นตอนสุดท้ายของละคร พระเอกจะต้องตาย (โกโบริ ในสมัยสิบกว่าปีก่อนเวลาที่พระเอกดังๆเล่นละคร)... โห โห โห เป็นเอาหนัก และหนักกว่านั้นขณะที่พ่อถวายมิสซาและช่วงเงียบในมิสซาหลังรับศีล.. พ่อได้ยินคนฮำเพลงในลำคอเป็นเพลงของละครเรื่องคู่กรรมด้วย... สุดๆ แล้วครับ ดีนะที่ไม่ได้มาหาพ่อก่อนมิสซาและขอมิสซาผู้ตายให้โกโบริ หรือขอมิสซาสุขสำราญให้อังศุมาลิน ด้วย... ก็คงจะไปกันใหญ่แหละครับ... (เอ แต่ถ้ามาร้องขอมิสซาให้โกโบริจริงๆ พ่อจะทำงัยดี... รับ ไม่รับ.. นี่เป็นเรื่องที่ต้องอธิบายกันละ)

• เอาละครับ ไปไกลจากประกาศกมีคาห์แล้วครับ

• เอาเป็นว่า สิ่งที่พ่อต้องการเน้นคือ ความรู้สึกของคนเรานี่ขนาดต่อละครที่มีตัวร้ายหรือนางร้าย เรายังรู้สึกคล้อยไป... และกับนางเอก พระเอก เราก็ยังรู้สึกคล้อยไปมาเหมือนกัน แสดงว่า ในจิตใจของเรามีสองสิ่งที่ขัดสู้กันจริงๆ

• ชื่อมีคาห์ประกาศกก็ช่วยให้เราเห็นว่า... มีคายาห์ แปลว่า ใครเหมือนยาห์เวห์ ส่วนอีกชื่อของอัครทูตสวรรค์ มีคาแอล “ใครเหมือนพระเจ้า” ท่านก็เคยต่อสู้กับอำนาจความชั่วของลูชีแฟร์และมีคาแอลก็ชนะ ประกาศศักดาว่า “ใครเหมือนพระเจ้า” ได้เล่า...ก็เป็นพระคัมภีร์ที่เราเคยคุ้นอีก

• จากนี้ไปพ่อจะยกคำสอนของเปาโลมาเสริมครับ เปาโลเองเคยเขียนไว้ในจดหมายถึงชาวโรม น่าอ่านครับ...
o “ข้าพเจ้าจึงพบกฎนี้ว่า เมื่อใดที่ข้าพเจ้าอยากทำดี เมื่อนั้นความชั่วก็มาอยู่ใกล้ข้าพเจ้าเสมอ
o ในส่วนลึกของจิตใจ ข้าพเจ้านิยมชมชอบธรรมบัญญัติของพระเจ้า
o แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า มีกฎอีกข้อหนึ่งในร่างกายของข้าพเจ้า ซึ่งสู้รบกับกฎแห่งจิตใจของข้าพเจ้า และล่ามข้าพเจ้าไว้กับกฎของบาปซึ่งอยู่ในร่างกายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าช่างเป็นคนน่าสมเพชจริงๆ
o ใครจะช่วยดึงข้าพเจ้าออกมาให้พ้นจากร่างกายที่จะต้องตายนี้เล่า
o ขอขอบพระคุณพระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (รม 7:21-25)

• ที่สุด สรุปว่า “ใครเล่าเหมือนพระเจ้าของเรา” (มีคายาห์เวห์) จริงๆนะครับ

• ใครเล่าเหมือนพระเยซู

• ใครจะยิ่งใหญ่กว่าพระองค์

• เจ้าบาปร้าย หรือความชั่วร้าย ความโน้มเอียง ปีศาจ ไม่มีทางเอาชนะพระองค์ได้เลย

• ในชีวิตของเรา เราต้องประกาศศักดา “มีคาห์” (ใครเหมือนพระเจ้า) และเราต้องเป็นผู้ที่ศรัทธาเชื่อมั่นใจพระองค์ คือ

• ต้องเอาชนะความชั่วร้าย แม้มันจะฝังลึกในจิตใจของเรามนุษย์โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวตั้งแต่เกิดเป็นบาปกำเนิดก็ตาม ทั้งนี้เพราะเราได้รับพระกรุณาจากพระเจ้า เราต้องเป็นเหมือนพระเจ้าจริงๆให้ได้นะครับ...

พี่น้องครับ การที่เราจะเป็นเหมือนพระเจ้าจริงๆ เราจะทำได้อย่างไร ทำอย่างไรเราจะชนะปีศาจและความโน้มเอียงของเรา เพื่อเราจะประกาศศักดาของพระเจ้า “มีคาห์” เราทำได้โดย
1. รักสุดๆ จนสามารถให้อภัยและเอาชนะความเคียดแค้นทุกอย่างที่ทำให้จิตใจของเราหมองหม่นและมัวหมองให้ได้นะครับ
2. อ่านพระคัมภีร์ประกาศกมีคาห์วันนี้ เพื่อจะพบลักษณะของพระเจ้าได้ชัดเจนที่สุด พระเจ้าเป็น “ความรักเมตตาและให้อภัยจริงๆ” “เทพเจ้าใดเล่าเป็นเหมือนพระองค์ผู้ทรงให้อภัยความผิด และทรงมองข้ามการล่วงละเมิดแก่ผู้ที่เหลืออยู่เป็นมรดกของพระองค์ พระองค์ไม่ทรงรักษาพระพิโรธไว้ตลอดไป แต่พอพระทัยแสดงความรักมั่นคง”
3. และถ้ามีอะไรที่เรารู้ว่าเกินกำลังของเราจะชนะมันได้ ขอให้เราได้ฟังเสียงของประกาศกมีคาห์ที่ได้ประกาศถึงพระเจ้าอย่างงดงามจริงๆ อีกครังดังนี้ครับ...
o “ทรงให้อภัยความผิด
o และทรงมองข้ามการล่วงละเมิดแก่ผู้ที่เหลืออยู่เป็นมรดกของพระองค์
o พระองค์ไม่ทรงรักษาพระพิโรธไว้ตลอดไป แต่พอพระทัยแสดงความรักมั่นคง

พี่น้องครับ จากนี้พ่อขอให้เราภาวนาด้วยเสียงของมีคาห์อีกครั้งครับ
o ขอพระองค์ทรงพระเมตาต่อข้าพเจ้าทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง
o โปรดทรงเหยียบย่ำความผิดของข้าพเจ้าทั้งหลาย
o พระองค์จะทรงเหวี่ยงบาปของข้าพเจ้าทั้งหลายลงไปในทะเลลึก
o พระองค์จะทรงแสดงความซื่อสัตย์แก่ยาโคบ
o ทรงแสดงความรักมั่นคงแก่อับราฮัม ดังที่เคยทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลายตั้งแต่นานมาแล้ว

พี่น้องที่รักครับ มหาพรตครับ

1. จงให้อภัยเถอะนะครับ อย่าโกรธแค้นกันอีกเลย เราต้องเหมือนพระเจ้าเพราะเราเป็นลูกของพระองค์นะครับ...
2. เราต้องให้อภัย ละจากความโกรธแค้น แม้มันจะเป็นแรงโน้มเอียงในจิตใจเราที่อยากแค้น... แต่เราต้องเอาชนะมันด้วยอาศัยพระคริสตเยซูองค์ความรักให้ได้นะครับ เราเป็นคริสตชนช่างโกรธแค้นไม่ได้หรอกครับ เพราะเรามีพระเจ้าองค์ความรักอยู่ในชีวิตเรา (ถ้าเราเป็นลูกของพระจริงๆ) สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ที่ 16 ทรงย้ำสอนไว้ว่า “ความเชื่อคริสตชนไม่ใช่ความคิดชั้นเลิศเลอ ไม่ใช่ภูมิความรู้สูงๆ ไม่ใช่คำสอนด้านศีลธรรมและจริยธรรมที่งดงาม... แต่ความเชื่อคริสตชนคือการที่เขาได้พบปะกับพระคริสตเจ้า ได้มีประสบการณ์กับชีวิตของพระเยซูเจ้า เป็นความเชื่อในพระบุคคลของพระองค์ และผลตามมาจากการได้พบพระองค์คือ การกลับใจ” (Porta Fidei และ Synod 2012)

พ่อจึงขอพระเจ้าอวยพรครับ อ่านพระคัมภีร์ และพบพระเจ้า และเจริญชีวิตให้เหมือนพระองค์นะครับ... การที่เราได้เกิดมาเป็นคริสตชนนั้นโดยธรรมชาติของเรา เราจึงต้องเป็นคนที่น่ารักจริงๆ นะครับ มั่นใจได้เลย “ใครเล่าจะเหมือนพระเจ้าในความดี และเราก็เหมือนพระองค์จริงๆในความดีและในความรักตลอดไป” ก็เราคริสตชนทุกคนไม่เว้นใครเลยนี่แหละครับที่ต้องเหมือนพระองค์ เมตตาและให้อภัยตลอดไป... มหาพรตแล้ว เต็มที่กับความดีเลยนะครับ พระเจ้าอวยพรครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก