“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ 2016
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต

อสย 55:9-10…..
พระยาห์เวห์ตรัส -
9“ฝนและหิมะลงมาจากท้องฟ้า
และไม่กลับไปที่นั่นถ้าไม่ได้รดแผ่นดิน
ทำให้แผ่นดินอุดม ทำให้พืชงอกขึ้น
เพื่อให้ผู้หว่านมีเมล็ดพันธุ์ และให้ผู้กินมีอาหารฉันใด

10ถ้อยคำที่ออกจากปากของเรา
จะไม่กลับมาหาเราโดยไม่เกิดผล
ไม่ทำตามที่เราปรารถนา
และไม่บรรลุจุดประสงค์ที่เราส่งมาฉันนั้น”

 

โอ้โห สุดยอดจริงๆครับ พระวาจาของพระเจ้าสำหรับประชากรของพระเจ้า เหมือนสายฝนที่รดแผ่นดินแห้งผากของชีวิตจิตใจของเราจริงๆ นี่บ้านเราก็ขาดฝน ฝนทิ้งช่วงมาตั้งแต่สองเดือนกว่าแล้ว แผ่นดินแห้งผากเหลือเกิน เข้าใจภาษาของประกาศกอิสยาห์เลยครับ “พระวาจาของพระเจ้า จากพระโอษฐ์ของพระเจ้า ต้องบรรลุจุดประสงค์ ต้องเกิดผลสิครับ” ถ้าเช่นนั้น ถ้ามีพระวาจา ถ้าเรารักพระคัมภีร์ ใจของเราจะสะอาด สดชื่นแน่นอนครับ พ่อมีคำขยายความจากคำสอนของพระศาสนจักรและความฝันของพ่อครับ


• “Verbum Domini manet in aeternum” (อ่านว่า แวร์บุม โดมีนี มาเน็ต อิน เอแตร์นุม) แปลว่า “พระวาจาของพระเจ้าดำรงอยู่เป็นนิจนิรันดร์”


• วันนี้พ่ออยากขายความฝัน วันนี้พ่ออยากประกาศให้ดังก้องถึงความฝันของพ่อ พี่น้องครับ พ่อมีความฝันจริงๆ ฝันของพ่อนี้คือ พระวาจาของพระเจ้าได้กลับกลายเป็นชีวิตและเป็นพลังแห่งชีวิตของคริสตชนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบรรดาสามเณรที่จะเป็นพระสงฆ์ของพระคริสตเจ้าและสำหรับพี่น้องคริสตชนทุกคน


• พ่อฝัน พ่อฝันอยากเห็นพระสงฆ์ นักบวช และบรรดาคริสตชนเป็นคนที่เก่งและลึกซึ้ง และเป็นคนที่เปี่ยมด้วยความรัก และความมุ่งมั่นศรัทธาที่จะเรียนรู้พระวาจาของพระเจ้ามากที่สุด เราจะเก่งเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่พระวาจาของพระเจ้า...


• พ่อชอบพระวาจาของพระเจ้าวันนี้จังเลยครับ สั้นๆ อ่านดีๆอีกสักรอบนะครับ “- พระยาห์เวห์ตรัส - “ฝนและหิมะลงมาจากท้องฟ้า และไม่กลับไปที่นั่นถ้าไม่ได้รดแผ่นดิน ทำให้แผ่นดินอุดม ทำให้พืชงอกขึ้นเพื่อให้ผู้หว่านมีเมล็ดพันธุ์ และให้ผู้กินมีอาหารฉันใด ถ้อยคำที่ออกจากปากของเราจะไม่กลับมาหาเราโดยไม่เกิดผลไม่ทำตามที่เราปรารถนา และไม่บรรลุจุดประสงค์ที่เราส่งมาฉันนั้น””


• พระวาจาตอนสั้นๆ นี้ พ่อยอมรับว่าอ่านด้วยจิตนาการแห่งทะเลทรายในแผ่นดินอิสราเอลแล้วกล่าวได้ว่าเพราะจับใจจังเลยครับ


• เพียงสองข้อจากอิสยาห์วันนี้โดนใจพ่อที่สุด โดนฝันของพ่อและความปรารถนาของพระศาสนจักรเลยครับ พระวาจาของพระเจ้าเปรียบเหมือนฝนและหิมะ... เรื่องนี้เราต้องคิดถึงแผ่นดินอิสราเอลในพระคัมภีร์ ทะเลทรายครับ แห้งแล้งมากๆ แล้ง ร้อน ไร้ชีวิต ไร้ความสามารถที่จะมีชีวิต... เมื่อฝนตกลงมาหรือหิมะละลายลงมาหน่อย ชุ่มชื้นทันที แผ่นดินเกิดหญ้าเขียวขจีต้นเล็กๆทั่วไปเขียว สดชื่น และมีชีวิตชีวาทันที... พระวาจาของพระเจ้าที่ตรัสกับเราก็ต้องเป็นเช่นนั้นครับ ต้องเกิดผล....


• พี่น้องครับ วันนี้พ่ออยากให้อ่านข้อคำสอนของพระศาสนจักรเกี่ยวกับพระคัมภีร์ จากสังฆธรรมนูญ Constitution ของวาติกันที่สอง ชื่อว่า Dei Verbum “เดอี แวร์บุม แปลว่า พระวาจาของพระเจ้า” เรียกว่าเป็นคำสอนอันดับหนึ่งทีเดียวครับ...พระคัมภีร์ พลังของพระวาจาของพระเจ้า


• พ่ออยากเห็นพวกเรา โดยเฉพาะสามเณรทั้งใหญ่และน้อยของพ่อ และพระสงฆ์นักบวชพี่น้องในกระแสเรียก และแน่นอนพี่น้องคริสตชนทุกคนที่เป็นพี่น้องที่รักเคารพยิ่งของพ่อ อยากให้ทุกคนได้คุ้นเคย ได้ตอนสนองคำสอนของวาติกันที่สอง พ่ออยากให้พวกเราทุกคนได้รับความชุ่มชื่นจากพระวาจาของพระเจ้าครับ... ได้เป็นเหมือนแผ่นดินที่ได้รับน้ำจากฟ้า คือพระวาจาของพระเจ้าครับ... พ่อขอยกข้อคำสอนจากสังฆธรรมนูญนี้เฉพาะบางส่วนจากบทที่ 6 เพื่อเราจะได้เห็นคุณค่าของพระวาจาของพระเจ้าอย่างดีๆร่วมกัน ลองอ่านดูนะครับ... พ่อขอนะครับ ขอให้อ่านพ่อเลือกมาเฉพาะเพียงสามข้อเท่านั้น ครับ... อ่านดีๆ จะเห็นว่าความฝันของพ่อต้องเป็นความจริง....

บทที่ 6 พระคัมภีร์ในชีวิตของพระศาสนจักร (DV ข้อ 21 และ ข้อ25-26)
------------------------------------


พระศาสนจักรแสดงความเคารพต่อพระคัมภีร์เสมอมา เช่นเดียวกับที่แสดงความเคารพต่อพระกายของพระคริสตเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพิธีกรรม พระศาสนจักรมิได้หยุดยั้งที่จะนำอาหารเลี้ยงชีวิตคริสตชนทั้งจากโต๊ะพระวาจาและจากโต๊ะพระกายพระคริสตเจ้าเสนอให้สัตบุรุษ พระศาสนจักรถือเสมอมาและยังถือต่อไปว่าพระคัมภีร์พร้อมกับธรรมประเพณีศักดิ์สิทธิ์ เป็นบรรทัดฐานสูงสุดของความเชื่อของตน เพราะว่าพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรครั้งเดียวสำหรับตลอดไป จึงสื่อพระวาจาของพระเจ้าโดยไม่เปลี่ยนแปลง และทำให้เสียงของพระจิตเจ้ายังก้องอยู่ในวาจาของบรรดาประกาศกและอัครสาวก คำเทศน์ทั้งหมดของพระศาสนจักรจึงต้องได้รับการหล่อเลี้ยงและควบคุมจากพระคัมภีร์เช่นเดียวกับคริสตศาสนาเอง เหตุว่าในพระคัมภีร์ พระบิดาในสวรรค์ทรงพบกับบรรดาบุตรของพระองค์ด้วยความรักอย่างสุดซึ้งและทรงสนทนากับเขา ในพระวาจาของพระเจ้ามีพละกำลังและประสิทธิภาพมากมาย จนว่าพระวาจานั้นค้ำจุนและเป็นพลังของ พระศาสนจักรและเป็นพละกำลังแห่งความเชื่อ เป็นอาหารเลี้ยงวิญญาณและเป็นธารบริสุทธิ์ไม่มีวันเหือดแห้งของชีวิตฝ่ายวิญญาณสำหรับบรรดาบุตรแห่งพระศาสนจักร เพราะฉะนั้น คำกล่าวต่อไปนี้ถึงพระคัมภีร์จึงถูกต้องทีเดียว คือ “พระวาจาของพระเจ้านั้นมีชีวิตและทรงพลังอยู่เสมอ” (ฮบ 4:12) “เสริมสร้างและประทานส่วนมรดกให้ท่านพร้อมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย” (กจ 20:32 เทียบ 1 ธส 2:13)

 

ดังนั้น บรรพชิตทั้งหลายโดยเฉพาะบรรดาพระสงฆ์ของพระคริสตเจ้า และคนอื่นๆ เช่นสังฆานุกร และผู้สอนคำสอน ซึ่งมีหน้าที่ประกาศสั่งสอนพระวาจาตามนิตินัย จึงจำเป็นต้องใกล้ชิดกับพระคัมภีร์ โดยอ่านและศึกษาอย่างลึกซึ้งในรายละเอียดอยู่เสมอ ขออย่าให้ใครในพวกนี้กลายเป็น “ผู้ประกาศพระวาจาของพระเจ้าแก่ผู้อื่นอย่างว่างเปล่าด้วยเสียงเท่านั้น แต่ภายในจิตใจเขามิได้เป็นผู้ฟัง พระวาจาเลย” (น.ออกัสติน) เมื่อเขาจะต้องนำพระวาจาอันเป็นสมบัติมหาศาลโดยเฉพาะในพิธีกรรมมาแบ่งปันกับบรรดาสัตบุรุษที่อยู่ในความดูแลของตน ในทำนองเดียวกัน สภาสังคายนานี้ขอเตือนอย่างหนักแน่นเป็นพิเศษให้คริสตชนทั้งหลาย โดยเฉพาะสมาชิกในคณะนักบวช อ่านพระคัมภีร์บ่อยๆ เพื่อจะได้เรียนรู้ “ความรู้ล้ำเลิศถึงพระเยซูคริสตเจ้า” (ฟป 3.8) “เพราะการไม่รู้พระคัมภีร์ คือการไม่รู้จักพระคริสตเจ้า” (น.เยโรม)

 

ดังนั้น ให้เขายินดีสัมผัสกับตัวบทพระคัมภีร์โดยตรงทางพิธีกรรม ซึ่งอุดมด้วยพระวาจาของพระเจ้า หรือทางการอ่านบำรุงศรัทธา หรือวิธีการอื่นที่เหมาะสมสำหรับการนี้ หรืออาศัยอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งในสมัยนี้แพร่หลายทั่วไปอย่างน่าชื่นชม ทั้งนี้โดยได้รับการเห็นชอบและสนับสนุนจากบรรดาผู้อภิบาลของพระศาสนจักร แต่ให้เขาระลึกด้วยว่าการอ่านพระคัมภีร์จะต้องมีการภาวนาควบคู่อยู่ด้วยเสมอ เพื่อจะเป็นการสนทนาของพระเจ้ากับมนุษย์ เพราะว่า “เราพูดกับพระเจ้าเมื่อเราภาวนา เราฟังพระองค์เมื่อเราอ่านพระวาจา” (น.อัมโบรส)

 

เป็นหน้าที่ของบรรดาพระสังฆราช “ผู้เป็นคลังรักษาคำสั่งสอนของบรรดาอัครสาวก” (น.อีเรเน) ที่จะใช้วิธีการอันเหมาะสมสั่งสอนสัตบุรุษที่อยู่ ในความปกครองดูแลของตนให้รู้จักใช้หนังสือพระคัมภีร์อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะพันธสัญญาใหม่และพระวรสารเป็นพิเศษ พระสังฆราชทำหน้าที่นี้ โดยใช้คำแปลตัวบทพระคัมภีร์ที่มีคำอธิบายที่จำเป็นและเพียงพอจริงๆประกอบด้วย เพื่อว่าบรรดาบุตรของพระศาสนจักรจะได้มีความคุ้นเคยกับพระคัมภีร์อย่างปลอดภัยและได้ประโยชน์ และมีจิตใจเปี่ยมด้วยเจตนารมณ์ของพระคัมภีร์…

 

ดังนั้น อาศัยการอ่านและการศึกษาพระคัมภีร์ “พระวาจาของพระเจ้าจะได้รุดหน้าไป และได้รับความเคารพนับถือ” (2 ธส 3:1) และการเผยความจริงอันเป็นขุมทรัพย์ที่พระศาสนจักรได้รับมอบหมายไว้นั้นจะได้เข้าสู่ดวงใจมนุษย์อย่างเต็มเปี่ยมยิ่งๆขึ้น ชีวิตของพระศาสนจักรเจริญเติบโตขึ้น จากการร่วมพิธีบูชามิสซาและรับศีลมหาสนิทบ่อยๆฉันใด เราก็หวังได้ว่า จะมีแรงผลักดันใหม่ๆ ต่อชีวิตฝ่ายจิตใจจากการเพิ่มความเคารพยิ่งๆขึ้นต่อพระวาจาของพระเจ้าซึ่ง “ดำรงอยู่ชั่วกาลนาน” (อสย 40:8 เทียบ 1 ปต 1:23-25) ฉันนั้น
-------------------------------

 

พี่น้องที่รักครับ นี่คือความฝันของพ่อ ที่พ่อนั่งเขียนบทเทศน์อธิบายพระคัมภีร์ นั่งคลิปบทเทศน์ ทุกเช้าทุกวัน เพราะพ่ออยากฝันอยากให้เรารักพระคัมภีร์ครับ และแน่นอนพระวาจาของพระเจ้าทรงพลังและคมยิ่งกว่าดาบสองคม จะได้บาดลึกถึงหัวใจให้เราได้กลับใจ ให้เราได้เข้มแข็ง และให้เราได้สามารถที่จะชนะใจตนและไม่แพ้แก่การประจญใดๆได้ง่ายๆ

อันที่จริงผู้ที่รักพระคัมภีร์คือผู้ที่รักพระเจ้าครับ ถ้าเรารักพระเจ้าจริง เราคงอยากรู้จักพระองค์ อยากรู้ความจริง ชีวิตของพระองค์ อยากได้อ่าน ได้ฟังเรื่องของพระองค์ทุกวัน และความจริงนั้น พบได้ในพระคัมภีร์ครับ....


พระเจ้าอวยพรครับ เรามาสร้างและสานฝันและความปรารถนาของพระศาสนจักรในเรื่องความสำคัญและความสุดยอดของพระวาจาของพระเจ้าด้วยกันนะครับ เพื่อมหาพรตปีนี้ เราจะเข้มแข็งเติบโต สะอาดบริสุทธิ์ ชุ่มชื่นแข็งแรงและมีภูมิคุ้มกันการประจญใดได้อย่างดีที่สุดในชีวิตคริสตชน ด้วยอาศัยพระวาจาทรงของชีวิตจากพระคัมภีร์ด้วยกันนะครับ

 

พระเจ้าอวยพรครับ พี่น้องที่รักครับ พระวาจาของพระเจ้าจากพระคัมภีร์นี่แหละครับที่เป็นน้ำจากฟ้าสำรับชีวิตจิตวิญญาณคริสตชนของเราครับ “สภาสังคายนานี้ขอเตือนอย่างหนักแน่นเป็นพิเศษให้คริสตชนทั้งหลาย โดยเฉพาะสมาชิกในคณะนักบวช อ่านพระคัมภีร์บ่อยๆ เพื่อจะได้เรียนรู้ “ความรู้ล้ำเลิศถึงพระเยซูคริสตเจ้า” (ฟป 3.8)”

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก