“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 5 สิงหาคม 2015
สัปดาห์ที่สิบแปด เทศกาลธรรมดา

(ระลึกถึงนักบุญยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ พระสงฆ์)
มธ 15:21-28…

21พระเยซูเจ้าเสด็จจากที่นั่น มุ่งไปเขตเมืองไทระและเมืองไซดอน 22ทันใดนั้น หญิงชาวคานาอันคนหนึ่งจากเขตแดนนี้ร้องว่า “โอรสกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด บุตรสาวของข้าพเจ้าถูกปีศาจสิงต้องทรมานมาก” 23แต่พระองค์มิได้ตรัสตอบประการใด บรรดาศิษย์จึงเข้ามาทูลพระองค์ว่า “โปรดประทานตามที่นางทูลขอเถิด เพราะนางร้องตะโกนตามหลังพวกเรามา” 24พระองค์ทรงตอบว่า “เราถูกส่งมาเพื่อแกะที่พลัดหลงของวงศ์วานอิสราเอลเท่านั้น 25แต่นางเข้ามากราบพระองค์ทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด”

26พระองค์ทรงตอบว่า “ไม่สมควรที่จะเอาอาหารของลูก มาโยนให้ลูกสุนัขกิน” นางทูลว่า 27“ถูกแล้วพระเจ้าข้า แต่แม้แต่ลูกสุนัขก็ยังได้กินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของนาย” 28พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย ความเชื่อของเจ้ายิ่งใหญ่ จงเป็นไปตามที่เจ้าปรารถนาเถิด” และบุตรหญิงของนางก็หายเป็นปกติตั้งแต่บัดนั้น

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
 
• หญิงคนต่างชาติชาวคานาอันตามที่พระวรสารเล่าในวันนี้ทำให้เราประหลาดใจ นางเข้ามาขอความช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนพระเยซูเจ้าจะตรัสกับนางแรงๆ และดูเหมือนพระองค์จะไม่ตอนรับนาด้วย ฟังตอนแรกก็น่าตกใจเหมือนกันว่า พระคัมภีร์ต้องการบอกอะไรแก่เรา... เราดูจากประโยคสองประโยคนี้สิครับ.. 

o “พระองค์มิได้ตรัสตอบประการใด...”

o “พระองค์ทรงตอบว่า “เราถูกส่งมาเพื่อแกะที่พลัดหลงของวงศ์วานอิสราเอลเท่านั้น”

o “พระองค์ทรงตอบว่า “ไม่สมควรที่จะเอาอาหารของลูก มาโยนให้ลูกสุนัขกิน”

• สามประโยคจากพระวรสารวันนี้ฟังดู่น่าตกใจจริงๆ ว่าทำไมพระเยซูเจ้าจึงไม่สนพระทัย และยังยืนยันว่าพระองค์มาเพื่อลูกแกะพลัดหลงของอิสราเอลเท่านั้น.. และยิ่งกว่านั้นนางถูกเปรียบเป็นลูกสุนัขเลยที่เดียว.. แล้วอะไรคือเหตุผลเบื้องหลังของพระวาจาตอนนี้ที่ทำให้เรื่องราวดูจะดำเนินไป แบบรุนแรงทีเดียว และดูเป็นว่าพระองค์มิได้ใส่ใจหรือปรารถนาดีกับหญิงชาวคานาอันกระนั้น หรือ...เป็นไปได้อย่างไร ทำไมพระเยซูเจ้าจึงตอบเหมือนกับทรงเกลียดชังหญิงคนนี้เช่นนั้นเล่า

• เปล่าเลยครับ เพราะหญิงชาวคานาอันคนนี้รบเร้า และตอบโต้กับพระเยซูเจ้าเมื่อถูกเปรียบเหมือนเป็นลูกสุนัข.. 

o พระองค์ทรงตอบว่า “ไม่สมควรที่จะเอาอาหารของลูก มาโยนให้ลูกสุนัขกิน” นางทูลว่า “ถูกแล้วพระเจ้าข้า แต่แม้แต่ลูกสุนัขก็ยังได้กินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของนาย”

• คำตอบของหญิงคนนี้ช่างเปี่ยมด้วยความเชื่อจริงๆ นางยอมรับว่านางไม่ใช่ชาวยิว เป็นหญิงชาวคานาอัน และถูกเปรียบเป็นดังลูกสุนัข แต่นางมันใจว่าลูกสุนัขยังได้กินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของนาย หมายความว่า นางมั่นใจในพระเยซู และมั่นใจในการวิงวอนขอของนาง จนกระทั่งพระเยซูเจ้าได้ประกาศถึงความเชื่อของนางออกมาอย่างชัดเจน “พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย ความเชื่อของเจ้ายิ่งใหญ่ จงเป็นไปตามที่เจ้าปรารถนาเถิด” และบุตรหญิงของนางก็หายเป็นปกติตั้งแต่บัดนั้น”

• พ่ออ่านพระวาจาของพระเจ้าวันนี้แล้วทำให้พ่อคิดถึง “ความเชื่อของคนต่างศาสนา” พ่อคิดว่า คนต่างศาสนาในประเทศไทยของเรา พี่น้องที่นับถือศาสนาพุทธจำนวนมากเขามีความเชื่อที่น่ารักและพร้อมที่จะรับ ความเชื่อได้ง่ายมาก เพราะจิตใจที่เปิดกว้างและก็พร้อมจะเข้ามาเพื่อรับพรจากพระเจ้าของเราเสมอ ประสบการณ์บอกกับพ่อเช่นนั้นครับ

• พ่อเคยอยู่ที่บ้านผู้หว่านสิบปีเต็มๆในชีวิตสงฆ์ของพ่อ ในฐานรองอธิการห้าปี และเป็นอธิการห้าปี พ่อจำได้ว่าเมื่อพ่อเป็นอธิการบ้านผู้หว่าน พ่อได้ตั้งรูปแม่พระแบบที่สวยมากๆ ไว้ที่กลางล้อบบี้บ้านผู้หว่าน พ่อจำได้ว่าพ่อได้ขอบให้สถาปนิกมือใหม่ ณ เวลานั้นออกแบบแทนวางที่เป็นกระจกสิบสองกลีบแทนดาวสิบสองดวง ตามหนังสือวิวรณ์บทที่ 12 พ่อจำได้ว่า แท่นวางรูปแม่พระนั่นสวยมาก และได้รับความอนุเคราะห์จากลูกของพระเจ้าของบริษัทกระจกที่ทำถวายแม่พระ.. น่ารัก งดงามเหลือเกิน แท่นนั้นสวยจริงๆ รูปแม่พระก็โดดเด่นจริงๆ

• พ่อจำได้ว่า เมื่อพ่อตั้งรูปแม่พระแล้ว พ่อสังเกตมานาน รูปแม่พระกลายเป็นจุดเด่นในล้อบบี้ของบ้านผู้หว่าน...สิ่งที่พ่อสังเกตเห็น คือ เจ้าหน้าที่บ้านผู้หว่านแทบทุกคนเมื่อเดินเข้ามาทำงาน พวกเขาจะยกมือไหว้รูปแม่พระนั้นอย่างน่ารักมากๆ และคนที่ไหว้ประจำ อันนี้พ่อย้ำจริงๆ นะครับว่าพ่อเห็นจากประสบการณ์ คนที่ไหว้เป็นประจำไม่ได้ขาด สงบ ไหว้ ดูมีศรัทธาน่ารักมากๆ พวกเขาเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นพี่น้องชาวพุทธ พ่อเห็นด้วยตนตนเอง ด้วยประสบการณ์ตนเองจริงๆ บรรดาเจ้าหน้าที่ชาวพุทธพวกเขามีศรัทธาในแม่พระมาก น่ารักมา ไหว้ ขอพร และฝากตนเองไว้กับแม่พระ และวอนขอพรจากแม่พระอย่างน่ารัก น่าทึ่ง ไม่มีที่ติจริงๆ นี่แหละคือสิ่งที่พ่อทึ่ง

• มีบางคนเคยปรารภกับพ่อว่า พ่อ แม่พระของพ่อศักดิ์สิทธิ์จริงๆนะ พ่อก็ไม่เคยทราบว่าเขารู้ได้อย่างไร เขาขอแม่พระและเขาได้อะไร แม่พระวิงวอนพระเจ้าและให้อัศจรรย์อะไรแก่พวกเขา แต่ที่แน่ๆ พ่อยืนยันประสบการณ์ของพ่อที่ได้เห็น พวกเขารักแม่พระมากจริงๆครับ พ่อไม่ได้ทำอะไรให้พวกเขามากไปกว่าเป็น “พ่อ” ของพวกเขาเช่นกัน ให้ความรัก ความยุติธรรมกับพวกเขา เรื่องนี้อาจต้องสืบเสาะพฤติกรรมของพ่อย้อนหลังจากเจ้าหน้าที่บ้านผู้หว่าน เองนะครับ.. ว่าพ่อสมเกียรติในฐานะอธิการเคยทำร้าย เคยอยุติธรรมกับพวกเขาบ้างหรือเปล่า... จะได้เป็นเครื่องยืนยันประสบการณ์ดีๆที่พ่อได้มีกับเจ้าหน้าที่บ้านผู้หว่าน ทุกคนในอดีต... พ่อจำได้ว่าพ่อไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ทำความอยุติธรรมกับใครแน่... ถ้ามี เดียวนี้โลกออนไลน์ง่ายมาก แล้วพ่อเองเวลานี้ก็ไม่ใช่อธิการแล้ว ถ้ามีใครคิดว่าสิ่งที่พ่อเขียนนี้ไม่จริง หลอกลวง พ่อไม่ได้ดีเลย เดี๋ยวเขาก็เข้ามาโพสต์ต่อต้านพ่อเองแหละครับ... เออ ถ้าจะมีคนที่รู้สึกไม่ดีกับพ่อบ้าง ก็คงเป็นเพราะพ่อขัดประโยชน์ไม่ยอมตามใจปล่อยให้เขาไประรานหรือเอาเปรียบ หรือแผ่อำนาจมืดๆ ผิดๆ คือ พ่อผดุงความยุติธรรมเกินไป จนควรปรารถนาจะทำตามใจไม่ได้ทำ และพ่อก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาไปละเมิดหรืออยุติธรรมกับใครๆ มากกว่านะครับ...

• เอาละ เดี๋ยวเกินเลยประสบการณ์ที่ต้องการเน้น... จริงๆนะครับ พ่อเห็นพี่น้องชาวพุทธ ลูกๆ บ้านผู้หว่านเขาไหว้แม่พระของเราอย่างน่ารักเหลือเกิน อันนี้พ่อทึ่งและพ่อได้เห็นใจที่เปิดของพวกเขาครับ.. แต่ขอนิดนึงในทางกลับกัน บางทีกลับเป็นว่าเจ้าหน้าที่คาทอลิกเองกลับมิได้เป็นเช่นนั้นเลย ไม่ได้ใส่ใจไหว้เคารพแม่พระเดินผ่านไปเฉยๆ (ไม่ใช่ทุกคนนะครับ) แต่มีครับ บางที่เราเป็นคาทอลิกแท้ แต่เรากลับไม่ได้แสดงออกซึ่งศรัทธาของเราเท่าไรเลย เดินผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้ให้ความเคารพ แถมบางที่ก็ขาดความเคารพให้เกียรติเสียด้วยซ้ำ ส่งเสียงดังโวยวายไม่ให้เกียรติแก่สถานที่และบุคคลรอบข้าง.. และบางทีเรื่องผิดๆ เรื่องใหญ่ๆ ที่ผิดพลาดในบ้าน ในเรื่องการละเมิด การเอาเปรียบ การขาดความเคารพกันและกัน ความอยุติธรรม ความซื่อสัตย์ บางทีเวลามีปัญหา.. ต้นเหตุ คนกระทำ กลับกลายเป็นเราคาทอลิกเป็นคนทำเสียด้วย ตรงนี้ก็แย่จริงๆเหมือนกันครับ...

• พ่อสรุปว่า พี่น้องชาวไทย ชาวพุทธจำนวนมาก อ่อนโยน เปิดใจ และพร้อมจะรับอะไรก็ตามที่เป็นพระพร เป็นความรัก เป็นสิ่งดีงาม คำสอนและเรื่องราวของศาสนา พวกเขาพร้อมจะเปิดใจมากครับ... ดูตัวอย่างอีกนิดครับ การแต่งงานของคริสตชนกับพี่น้องชาวพุทธคู่ชีวิต จำนวนมากเขาพร้อมจะเข้ามานับถือศาสนาและเป็นคาทอลิก หรือถ้าไม่มาเป็นคาทอลิก คู่ชีวิตดีๆของคริสตชนเขาก็พร้อมจะไปวัดกับเรา ไปนั่งในมิสซา ให้เกียรติ ทั้งชีวิตเขาประหนึ่งเป็นคริสตชน และบ่อยครั้ง ดีกว่าเราคริสตชนอีกด้วย (น่าชื่นชม)

• พี่น้องที่รัก พ่ออ่านเรื่องราวของหญิงชาวคานาอันคนนี้ที่มาหาพระเยซูเจ้า มาขอร้องเพื่อลูกของนาง นางเปิดใจ นางมีความเชื่อ พระเยซูเจ้าทรงทดสอบจิตใจของนางแรงใช้ได้ แต่นางกลับเชื่อมั่นในพระองค์.. เรื่องนี้ทำให้พ่อคิดถึงพี่น้องชาวไทยของเราที่ใจเปิดครับ... 

o ครูจำนวนนับพันๆคนที่เป็นพุทธทำงานกับโรงเรียนคาทอลิก

o เจ้าหน้าที่ทางการศึกษา พนักงานระดับต่างๆ วัด และโรงพยาบาลหรือองค์กรมากมายพวกเขาเป็นพุทธด้วย ทำงานกับเรา

o นักเรียนที่เรียนกับเราเป็นพุทธนับเป็นหลายหมื่นคน ถ้ารวมบิดามารดาของพวกเขาและเครือญาติก็อีกเป็นเรือนแสนครับ

o คู่ค้ากับเรา ทำธรุกิจระดับต่างๆที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรา โรงเรียน วัด โรงงานของคริสตชนคาทอลิก พนักงานโรงงาน ฯลฯ คงอีกเป็นเรือนแสน...

• คำถามของพ่อ คือ 

o พี่น้องเหล่านี้ที่ใจแสนจะเปิดและพร้อมจะรับฟังข่าวดี ได้รับข่าวดี ได้รับกิจการที่ดียุติธรรม รัก และเมตตาธรรม จากความเป็นคริสตชนของเรา พวกเขาได้รับไหมครับ

o พวกเราได้รับฟังข่าวดี ได้ยินข่าวดี จากชีวิตของเราไหม

o พวกเขาได้ยินเรื่องความเชื่อของเรา เรื่องพระเยซูเจ้าจากเราชัดเจนไหม

o พวกเขาได้เห็น สัมผัส และมีประสบการณ์ชีวิตที่ดีๆ กับเราหรือไม่ คือ เราคริสตชนได้เป็น “ข่าวดี” ที่พวกเขาได้เห็นจากชีวิตของเราแต่ละคนไหมครับ..

o หรือกลับกัน โรงเรียนของเรา วัดของเรา องค์กรของเรา ครอบครัวของเราคริสตชน บริษัทของเราที่พวกเขาอยู่กับเรา เขากลับได้สัมผัสไม่ใช่ข่าวดีแต่ข่าวร้ายจากการขาดความรักเมตตาธรรม หรือความอยุติธรรมของเรา

o แล้วคำที่พระเยซูเจ้าตรัส “ท่านทั้งหลายเป็นเกลือดองโลก... ท่านทั้งหลายเป็นแสงสว่างส่องโลก... เพื่อคนทั้งหลายเห็นกิจการดีของท่านจะได้สรรเสริญพระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน” (มธ 5:13-16) นั้นจะเป็นความจริงได้อย่างไรกัน

• พี่น้องที่รักครับ... ขอให้เราทุกคนประกาศข่าวดี ให้เราทุกคนเป็น “ศิษย์พระคริสต์ที่เจริญชีวิตประกาศข่าวดีใหม่” ให้ก้องดังอย่างชัดเจนในความรักและเมตตาธรรมของเรานะครับ.. พี่น้องชาวพุทธรอบข้างเราจำนวนมากเขาหัวใจเปิดรับพระพรเสมอครับ เราต้องเป็นพระพร เป็นข่าวดีสำหรับพวกเขาด้วยชีวิตของเรานะครับ... อย่าเป็นข่าวร้ายครับ ทุกคนต้องได้รับพระพรความรักเมตตาธรรมจากเราทุกคน เพราะเราเป็นคริสตชนครับ

• พ่อจบด้วยเชิญให้เราได้อ่าน “ร่าง” กฤษฎีกาสมัชชาใหญ่ฯ ค.ศ. 2015 ข้อ 11 ครับ... เพราะข้อนี้หมายถึงเราคริสตชนทุกคนครับ “ศิษย์ผู้เป็นธรรมทูต ชีวิตใหม่เพื่อการประกาศข่าวดี”

o คริสตชนทุกคนเป็นศิษย์ผู้เป็นธรรมทูต (Missionary Disciple) ด้วยชีวิตของตน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานภาพใดในพระศาสนจักร หรือมีความรู้เรื่องความเชื่อในระดับใด ทุกคนต้องเจริญชีวิตใหม่ด้วยการเป็นประจักษ์พยานถึงข่าวดี และมีพันธกิจประกาศข่าวดีตามพระบัญชาของพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระเจ้าองค์ ความรัก 

o เราจึงตอบสนองความรักนี้ด้วยการก้าวออกไปในฐานะธรรมทูต ประกาศความรักทั้งด้วยวาจาและกิจการแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในองค์พระค ริสตเจ้า เป็นการร่วมสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้าในโลก พระอาณาจักรแห่งความจริง ความยุติธรรม ความรัก ความเมตตา และสันติสุข และ

o ทุกคนจะต้องเพิ่มความเข้มข้นและความกระตือรือร้นอย่างไม่มีวันจืดจาง เป็นหนึ่งเดียวกันในการสร้างชุมชนคริสตชนใหม่ๆ เพราะนี่คือการขยายดวงใจของเราไปสู่ขอบฟ้าที่กว้างขึ้นเสมอเพื่อการประกาศ ข่าวดีใหม่สู่ปวงชน

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก