“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 4 มีนาคม 2015
สัปดาห์ที่สอง เทศกาลมหาพรต
มธ 20:17-28…
           17พระเยซูเจ้ากำลังเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงพาเฉพาะอัครสาวกสิบสองคนออกไป แล้วตรัสแก่เขาขณะเดินทางว่า 18“บัดนี้ พวกเรากำลังขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม บุตรแห่งมนุษย์จะถูกมอบแก่บรรดาหัวหน้าสมณะและบรรดาธรรมาจารย์ เขาจะถูกตัดสินประหารชีวิต 19และจะถูกมอบให้คนต่างชาติสบประมาทเยาะเย้ย โบยตีและนำไปตรึงกางเขน แต่วันที่สามบุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพ”


20มารดาของบุตรเศเบดีเข้ามาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตร นางกราบลงทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ 21พระองค์จึงตรัสถามนางว่า “ท่านต้องการอะไร” นางทูลว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้บุตรทั้งสองคนของข้าพเจ้า นั่งข้างขวาคนหนึ่ง นั่งข้างซ้ายคนหนึ่งในพระอาณาจักรของพระองค์” 22พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านไม่รู้ว่ากำลังขออะไร ท่านดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้หรือไม่” เขาทั้งสองทูลตอบว่า “ได้ พระเจ้าข้า” 23พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านจะดื่มถ้วยของเรา แต่การที่จะนั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้นไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะให้ แต่สงวนไว้สำหรับผู้ที่พระบิดาของเราทรงจัดเตรียมไว้”
24เมื่อได้ยินดังนั้น อัครสาวกอีกสิบคนรู้สึกโกรธพี่น้องสองคนนั้น 25พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกทุกคนมาพบ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่าคนต่างชาติที่เป็นหัวหน้า ย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้ใหญ่ย่อมใช้อำนาจบังคับ 26แต่ท่านทั้งหลายไม่ควรเป็นเช่นนั้น ผู้ที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่ จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น 27และผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นคนที่หนึ่งในบรรดาท่านทั้งหลาย ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ 28เหมือนกับที่บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่ เพื่อมวลมนุษย์”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็ม กำลังขึ้นไป... ความหมายคืออะไรจริงๆ สำหรับพระเยซู และสำหรับบรรดาศิษย์ มีความเข้าใจแตกต่างกันแบบที่เราน่าจะเข้าใจและจับตามองดูสักนิด พ่ออยากชี้สองประเด็นที่แตกต่างทางเจตนาและเป้าหมายครับ


• “บรรดาศิษย์กำลังเดินทาง....พระเยซูเจ้าเสด็จนำเขาไป” สังเกตความชัดเจน และความเข้มข้นของการติดตามพระเยซูเจ้า บรรดาศิษย์ติดตาม และมาระโกเน้นว่า พระองค์เสด็จนำเขาไป 


• “ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม” 

o สังเกตว่า พระองค์เสด็จมาจากทางเหนือ จากกาลิลีไปเยรูซาเล็ม ถ้าอ่านตามภูมิศาสตร์ คงบันทึมัทธิวเข้าใจผิดหรือ หรือว่าท่านไม่รู้จักปาเลสไตน์ดีเท่าที่ควร แต่ความจริง คำว่า “เสด็จขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็ม” ที่นี่แสดงให้เห็นไม่ใช่ความหมายทางภูมิศาสตร์ 

o แต่เป็นเทววิทยาเกี่ยวกับเยรูซาแล็ม เพราะที่ตั้งพระวิหาร ดังนั้นเป็นที่ประทับของพระเจ้า “ภูเขาศิโยน” บริบทที่ใช้จึงแสดงออกซึ่งความเคารพเสมอและยกให้เป็นที่สูงเสมอ


• ความต่างกันของเจตนาอย่างที่พ่อบอก พระเยซูเจ้าขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่ออะไร และบรรดาศิษย์เข้าใจอย่างไร ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ อาจมีความเข้าใจแตกต่างกันสองระดับ

o พระเยซูเจ้า มุ่งไปสู่หนทางแห่งกางเขน พระคริสตเจ้าที่ต้องรับทรมาน พระองค์มุ่งไปเพื่อรับความตาย และรู้ว่า บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทรมาน...

o บรรดาศิษย์ พวกเขาคิดต่างๆ พวกเขาคิดว่าพระองค์และพวกเขากำลังมุ่งไปเพื่อปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ เป็นพระแมสซียาห์ พระวรสารนักบุญมาระโกก็บันทึกเรื่องนี้ และมาระโกเน้นถึงความหวาดกลัวของประชาชน..และบรรดาศิษย์ก็ประหลาดใจด้วย... เราคิดไตร่ตรองต่อ...มีเหตุผลที่จะประหลาดใจและกลัว เพราะการเดินขึ้นไปเยรูซาเล็มเป็นกลุ่มชนเช่นนี้ย่อมหมายถึงการกบฏต่อ จักรวรรดิโรมัน แต่ที่แน่ๆ พระเยซูเจ้าขึ้นไปเพื่อสิ้นพระชนม์ บรรดาศิษย์ขึ้นไปเพื่อเชื่อและหวังว่า พวกเขาจะได้เป็นใหญ่เป็นโตพร้อมกับพระเยซูเจ้า พวกเขาเชื่อว่า พระองค์จะเป็นกษัตริย์แน่นอน


• พระเยซูเจ้าทรงยืนยันคำสอนเรื่องลักษณะแท้ ๆ ของพระคริสตเจ้า พระคริสต์ที่ต้องรับทรมานนั้นเป็นคำสอนที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ และเป็นเจตนาของพระเยซูเจ้าในพระวรสาร ที่จะอบรมศิษย์ของพระองค์ ให้รับสัจธรรมแห่งความรอดประการนี้ เพื่อ “ผ่านกางเขนสู่แสงสว่าง” (แปร์ ครูแชม อัด ลูแชม) “Per Crucem ad Lucem”

o “สบประมาท เยาะเย้ย ถ่มน้ำลายรด โบยตี และฆ่าเสีย แต่หลังจากนั้นสามวัน พระองค์จะทรงกลับคืนชีพ” 

o รายละเอียดเรื่องพระทรมานชัดมากๆ มากที่สุด เป็นการทำนายถึงสิ่งที่จะเกิดกับพระองค์ในวาระสุดท้ายที่เยรูซาเล็ม ซึ่งสิ่งที่ระบุมานี้ล้วนเป็นวิธีปฏิบัติต่อผู้ที่เป็นกบฏต่อจักรวรรดิทั้ง สิ้น แต่ข้อสังเกตคือ การทำนายถึงพระทรมานนั้น พระองค์จะทำนายถึงการกลับคืนพระชนมชีพเสมอ ซึ่งนั่นคือมิติที่สูงกว่า แต่บรรดาศิษย์ของพระองค์ไม่เข้าใจ หรือไม่ยอมเข้าใจ แต่ที่แปลกคือทำไมไม่ถามพระองค์ในเรื่องนี้สักที


• ข้อสังเกตที่สำคัญที่สุด การที่มารดาของบุตรเศเบดีสองคนนี้ ยากอบและยอห์นเข้ามาขออภิสิทธิ์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะทันที หลังจากที่พระเยซูเจ้าทรงทำนายถึงพระทรมานครั้งที่สาม ซึ่งพระองค์ทรงเน้นว่า “เรากำลังขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็ม” 

o นั่นหมายความว่า ศิษย์ของพระเยซูเจ้าเข้าใจการเข้าเยรูซาเล็มของพระองค์นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับที่พระเยซูเจ้าทรงเข้าใจ 
o การเข้ามาขอของของมารดา (มาระโกบันทึกว่าเขาทั้งสองเข้ามาขอด้วยตนเอง เทียบ มก 10:35-40) เขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และเลือกที่จะเข้าใจเฉพาะความรุ่งโรจน์ของพระองค์ แม้พระองค์ทรงสอนรหัสธรรมของพระองค์อย่างเปิดเผย แต่บรรดาศิษย์ดูเหมือนไม่เข้าใจเอาเสียเลย 

o โดยตลอดดูเหมือนพวกเขายังคงไม่เห็น ไม่รู้ ไม่เข้าใจ พระธรรมล้ำลึกปัสกาของพระองค์ บรรดาศิษย์ของพระองค์ยังคงบอดมืดในความเข้าใจถึงพระองค์นั่นเอง 

o กุญแจสำคัญเริ่มชัดเจนว่า ทำไมทั้งสองช่วงของพระวรสารของนักบุญมัทธิวจบเรื่องการเดินทางเข้า เยรูซาเล็มด้วยเรื่องคนตาบอดสองคน... บางทีหมายถึงศิษย์สองคนพี่น้องและคนอื่นๆ ยังบอดมืดในความหมายแห่งการรับทรมานของพระเยซูเจ้า พวกเขาคิดถึงแต่อำนาจบารมีและความคิดจะได้เป็นใหญ่พร้อมกับพระเยซูเจ้า จนได้ลืมความหมายของการเป็นผู้ช่วยให้รอดแท้จริงของพระเยซูเจ้าที่จะต้อง ผ่านไม้กางเขนและความตาย


• “ยากอบและยอห์น บุตรของเศเบดี” ทั้งสองคนอยู่ในลำดับแรกของลำดับรายชื่อของอัครสาวกทั้ง 12 ของพระเยซูเจ้า (มก 1:16-20) และทั้งสองนี้จะอยู่ร่วมกับเปโตร (รวมเป็นสามคน)บ่อยๆ ในเหตุการณ์สำคัญ (มก 5:37; 9:2; 14:33)


• “ขอคนหนึ่งนั่งข้างขวา อีกคนหนึ่งนั่งข้างซ้ายของพระองค์ในพระอาณาจักรของพระองค์” 

o คำขอนี้ทำให้เห็นความเข้าใจของทั้งสองต่อการเสด็จเข้าเยรูซาแล็มของพระเยซู เจ้า และแสดงให้เห็นความโง่เขลา หรือความไม่รู้อย่างแท้จริงถึงความเป็นพระคริสต์ของพระเยซูเจ้า

o พระองค์เสด็จไปเพื่อรับความตายบนไม้กางเขน... แต่พวกเขาคิดว่าพระองค์จะครองบัลลังก์ของกษัตริย์แห่งอิสราเอล และปรารถนาจะได้เป็นใหญ่กับพระองค์


• “ท่านดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้ไหม”

o พระเยซูเจ้าทรงตอบสนองต่อคำขอเพราะความไม่รู้ของเขาทั้งสอง พระองค์ทรงเสนอ “ถ้วย” คนที่นั่งข้างขวาและข้างซ้ายของกษัตริย์ต้องดื่มถ้วยที่กษัตริย์จะดื่ม เพราะถ้ามีการวางยาพิษซึ่งกษัตริย์ในอดีตต้องระวังตลอด นั่นหมายถึงพร้อมตายแทนพระองค์ ยินดีนั่งข้างๆ เป็นใหญ่กับพระองค์... แต่ในพระคัมภีร์เราทราบไม่ใช่หรือว่า “ถ้วย.. หมายถึงพระทรมาน” (พระบิดาเจ้าข้าถ้าเป็นไปได้ โปรดให้กาลิกส์นี้พ้นไปเถิด) เทียบ มก 14)

o ที่สุดพระเยซูเจ้าสัญญาว่า เขาทั้งสองจะได้ดื่มถ้วย “ถ้วยที่เราจะดื่มนั้น ท่านจะได้ดื่ม และการล้างที่เราจะรับนั้น ท่านก็จะได้รับ” ทำนายถึงการที่พวกเขาจะได้มีส่วนในรหัสธรรมของพระเยซูเจ้า และแม้ว่าบนไม้กางเขน (กางเขนคือบัลลังก์ของพระเยซูเจ้า พวกเขาจะหนีไปหมด...จนพระคัมภีร์ต้องใช้ภาษาประชดประชันว่า สองคนที่อยู่บนกางเขนข้างซ้ายข้างขวาพระองค์กลายเป็นโจรไปแทนที่จะเป็นเจ้า ศิษย์สองคนนี้)


• พระเยซูเจ้าเข้าใจพวกเขา เข้าใจว่าพวกเขาคิดถึงความเป็นใหญ่ตามประสามนุษย์ อยากเป็นใหญ่และแย่งที่นั่งข้างซ้ายและข้างขวา จนพวกเขาก็ทะเลาะขุ่นเคืองต่อกัน.. พระองค์จึงสอนหลักการสำคัญ “เป็นใหญ่ต้องรับใช้” พระวรสารเล่าชัดเจนว่า

o พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกทุกคนมาพบ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่าคนต่างชาติที่เป็นหัวหน้า ย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้ใหญ่ย่อมใช้อำนาจบังคับ 

o แต่ท่านทั้งหลายไม่ควรเป็นเช่นนั้น

o ผู้ที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่ จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น 

o และผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นคนที่หนึ่งในบรรดาท่านทั้งหลาย ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ 

o เหมือนกับที่บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่ เพื่อมวลมนุษย์”


• ข้อสังเกตสำคัญ คำแปลใน ภาษาไทยแปล “รับใช้” เหมือนกันทั้งสองกรณี เป็นใหญ่ก็ต้องรับใช้ เป็นที่หนึ่งก็ต้องรับใช้... แต่น่าสังเกตว่าภาษากรีกต้นฉบับคำกริยาที่ใช้ทั้งสองแห่งไม่เหมือนกัน

• ดูคำแปลภาษาอังกฤษ ฉบับ Revised Standard Version กันครับ
o but whoever would be great among you must be your servant,
o and whoever would be first among you must be your slave;

• ความหมายของคำทั้งสองชัดในตัวเอง แต่น่าเสียดายที่ภาษาไทยฉบับคาทอลิกเรายังแปลด้วยคำที่เหมือนกัน เพราะในภาษาต้นฉบับนั้นคำทั้งสองมีเฉดทางภาษาที่แตกต่างกันอย่างมากทีเดียว ซึ่งในฉบับ RSV ยังเก็บความแตกต่างไว้ชัดเจน

o ภาษากรีก “diakonos” (Servant) คือ การรับใช้แบบผู้รับใช้ที่โต๊ะ การบริการ เอาใจใส่ช่วยเหลือ การรับใช้แบบนี้เป็นลักษณะของความสมัครใจ ไม่ได้ถูกบังคับโดยสภาพที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เป็นการรับใช้ด้วยหัวใจอิสระ

o ภาษากรีก “doulos” (Slave) การรับใช้แบบทาสที่ขาดอิสระภาพ และเป็นการรับใช้ที่ไม่ใช่เพื่อค่าตอบแทน แต่เป็นการรับใช้ที่ติดมากับสภาพที่ไม่สามารถแยกออกจากสภาพของตนได้ ไม่สามารถทำตนเองให้เป็นอิสระจากหน้าที่นี้ คำตีความที่น่าจะดีที่สุดคือ 

o ดังนั้น... “ศิษย์ของพระเยซูเจ้าที่ปรารถนาจะเป็นที่หนึ่งนั้นไม่สามารถเป็นที่หนึ่งได้ โดยขาดซึ่งการเป็นทาสรับใช้ทุกคน และนี่เป็นพันธะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”


• พี่น้องที่รักครับ... เราได้คำตอบชัดเจน มากมายจริงๆ ถึงการเป็นศิษย์พระเยซูเจ้า สำหรับการไตร่ตรองพระทรมานของพระเยซูเจ้า การขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อรับทรมานเพราะความรักต่อเรามนุษย์ ทรงสอนเราให้เป็นผู้รับใช้จริงๆ เป็นทาสรับใช้ถ้าเป็นที่หนึ่งในหมู่ศิษย์ของพระองค์ และพระองค์ก็สอนเราด้วยแบบอย่างจริงๆ ทรง “ล้างเท้า” บรรดาศิษย์ของพระองค์ การล้างเท้า ณ งานเลี้ยง เป็นงานของทาสในบ้าน... และพระเยซูเจ้าทรงทำเช่นนั้น...

• ทรงครองบัลลังก์เป็นกษัตริย์ที่แสนแตกต่างจากบรรดากษัตริย์ทั้งหลาย

o บัลลังก์ของพระองค์คือไม้กางเขน

o มงกุฎของพระองค์ คือ มงกุฎหนาม

o คทาของพระองค์คือไม้อ้อที่ทหารใส่ในพระหัตถ์และฟาดลงบนพระเศียร

o และทรงครองบัลลังก์กางเขนจนสิ้นพระชนม์เพราะ “ทรงรักเรา”


• พี่น้องที่รักเอ๊ย.. นี่คือ “หนทาง ความจริง และชีวิต” แท้จริงของเราคริสตชนครับ ไม่มีทางอื่นดีกว่านี้ รัก รับใช้ และเป็นทาสแห่งความรักแบบพระเยซูเจ้า...ครับ ขอพระเจ้าอวยพรนะครับ... จงรักครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก