"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“ผู้รับเชิญมาในงานแต่งงานจะจำศีลอดอาหารได้หรือ”

10. การโต้เถียงเรื่องการจำศีลอดอาหาร (2)

            เราได้พิจารณาคำตอบที่พระเยซูเจ้าทรงให้แก่บรรดาชาวฟาริสีผู้คอยตำหนิพระองค์ที่ไม่ทรงจำศีลอดอาหารพร้อมกับบรรดาอัครสาวกแล้ว คำตอบนี้ไม่มีจุดประสงค์ที่จะสอนผู้มีความเชื่อว่า จะประพฤติตนทางศาสนาและทางสังคมอย่างไร คือจะต้องจัดให้มีงานเลี้ยงอภิเษกสมรสหรือจัดให้มีการจำศีลอดอาหาร แต่ต้องการอธิบายบทบาทของพระเยซูเจ้า การประอยู่ของพระองค์หรือการที่พระองค์เสด็จไปจากเขา เป็นเหตุผลที่บรรดาศิษย์จะต้องอยู่ร่วมกัน และความชื่นชมยินดีหรือความโศกเศร้าจะแสดงภายนอกว่า พระองค์ประทับอยู่กับเขาหรือไม่  
              การตีความหมายเช่นนี้ได้รับการรับรองจากอุปมา 2 เรื่อง ที่นักบุญมาระโกได้เขียนไว้ต่อจากคำตอบของพระเยซูเจ้า เป็นอุปมาที่อาจเป็นคำพังเพยอยู่แล้ว แต่ในที่นี้ถูกนำมาใช้เพราะสะท้อนความหมายการเทศน์สอนของบรรดาประกาศก ที่กล่าวถึงสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในยุคของพระเมสสิยาห์ 

               พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ไม่มีใครนำผ้าใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะผ้าใหม่ที่นำมาปะเสื้อเก่านั้นจะหดตัวมากกว่า ทำให้รอยขาดมากกว่าเดิม” ในสมัยโบราณคำเปรียบเทียบนี้คงจะชัดเจนมากกว่าสมัยปัจจุบัน เพราะผ้าใหม่ยังไม่ได้แปรงให้เรียบ เมื่อโดนน้ำหรือความชื้นก็จะหดตัว ถ้าใช้ผ้าใหม่มาปะเสื้อเก่า เมื่อโดนน้ำหรือความชื้นก็จะหดตัว ทำให้มีรอยขาดมากกว่าเดิม น่าสังเกตว่าคำเปรียบเทียบ 2 คำ คือเสื้อเก่ากับผ้าใหม่ เป็นการเปรียบเทียบ 2 อย่างที่ต้องแยกกันอย่างชัดเจน ถ้าใช้ร่วมกันหรือนำไปประนีประนอมก็จะเกิดความเสียหาย 

               พระเยซูเจ้าจึงเสนอว่า พระองค์เองและกิจการของพระองค์เป็นเหตุการณ์ใหม่ ต่างจากสิ่งที่เคยเป็นอยู่ เช่น การจำศีลอดอาหารของชาวฟาริสีและศิษย์ของนักบุญยอห์น ระหว่างคำสอนของพระเยซูเจ้ากับคำสอนของบรรดาธรรมาจารย์ ที่ใช้สูตรโบราณซึ่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงรับความคิดใหม่จะประนีประนอมกันไม่ได้เลย พระเยซูเจ้าตรัสอย่างชัดเจนว่า สูตรเก่าไม่สามารถบรรจุจิตตารมณ์ใหม่ เราต้องใช้สูตรใหม่

               อุปมาเรื่องที่ 2 ทำให้ความแตกต่างระหว่างสิ่งใหม่กับสิ่งเก่าชัดเจนมากยิ่งขึ้น พระองค์ตรัสว่า “ไม่มีใครใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังเก่า เพราะเหล้าจะทำให้ถุงหนังขาด ทั้งเหล้า ทั้งถุงก็จะเสียไป แต่ต้องใส่เหล้าใหม่ลงในถุงหนังใหม่” สมัยของพระเยซูเจ้าในปาเลสไตน์และในหลายแห่งที่ยังไม่มีขวดแก้ว เขาใช้ถุงหนังเพื่อใส่ของเหลว เมื่อใส่เหล้าองุ่นใหม่ในถุงหนังใหม่ เหล้าองุ่นที่กำลังหมักจะเกิดก๊าซทำให้ขยายตัวฟูขึ้น ถุงหนังใหม่ยังนิ่มก็จะยืดหยุ่นแต่ถ้าใส่เหล้าองุ่นใหม่ในถุงหนังเก่าที่แข็งไม่ยืดหยุ่น ถุงหนังก็จะระเบิด การเปรียบเทียบนี้แสดงว่าแม้พระเยซูเจ้าเริ่มตรัสถึงกรณีเฉพาะ คือเรื่องการจำศีลอดอาหาร แต่บัดนี้ พระองค์ทรงกำหนดกฎทั่วไป คือต้องเลิกปฏิบัติไม่เพียงการจำศีลอดอาหารแต่ขนบประเพณีต่าง ๆ ที่ลัทธิยูดายกำหนดในรายละเอียดที่ไม่สามารถรับพลังฟื้นฟูชีวิตใหม่ คือการเทศน์ของพระคริสตเจ้าและของบรรดาอัครสาวก เรามาถึงยุคใหม่ ยุคที่พระเยซูเจ้าทรงเป็นเจ้าบ่าว ยุคของพระเมสสิยาห์มาถึงแล้ว

                  บรรดาประกาศกเคยพูดถึงสิ่งใหม่ที่พระเจ้าจะทรงสร้าง และระเบียบใหม่ที่จะทรงเนรมิตในยุคสุดท้าย ประกาศกเยเรมีห์คิดว่า พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะทรงกระทำ “พันธสัญญาใหม่” กับอิสราเอล โดยทรงใส่ธรรมบัญญัติของพระองค์ไว้ภายในเขา และทรงเขียนธรรมบัญญัติไว้ในใจของเขา (เทียบ ยรม 31:31-34) ประกาศกเอเสเคียลคิดว่า พระเจ้าจะประทานใจใหม่แก่ชาวอิสราเอล จะทรงใส่จิตใหม่ไว้ภายในเขา ทรงนำใจหินออกไปจากร่างกายของเขา และจะประทานใจเนื้อแก่เขา (เทียบ อสค 36:26) ส่วนประกาศกอิสยาห์คิดว่า พระเจ้าจะทรงสร้างฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ (เทียบ อสย 65:17; 66:22)