“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

พระวาจามีความหมายครอบคลุมสิ่งสร้างทั้งหมด

8.       เมื่อคำนึงถึงความหมายหลักของวลี "พระวาจาของพระเจ้า" ซึ่งหมายถึงพระวจนาตถ์นิรันดรของพระเจ้า และพระวจนาตถ์นี้ได้ทรงรับธรรมชาติมนุษย์มาเป็นพระผู้กอบกู้และเป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์[1] และเมื่อฟังพระวาจานี้ การเปิดเผยในพระคัมภีร์ก็นำพวกเราให้ยอมรับว่าพระวาจา (หรือพระวจนาตถ์) นี้เป็นพื้นฐานของทุกสิ่ง อารัมภบทของพระวรสารนักบุญยอห์นยืนยันเกี่ยวกับพระวจนาตถ์ (Logos) ของพระเจ้าว่า "พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งอาศัยพระวจนาตถ์ ไม่มีสักสิ่งเดียวที่พระเจ้าไม่ทรงสร้างโดยทางพระวจนาตถ์" (ยน 1:3) จดหมายถึงชาวโคโลสียังกล่าวถึงพระคริสตเจ้าด้วยว่าพระองค์ทรงเป็น "บุตรคนแรกในบรรดาสิ่งสร้างทั้งปวง" (1:15) และ "สรรพสิ่งทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดิน..ถูกเนรมิตขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์" (1:16) ผู้เขียนจดหมายถึงชาวฮีบรูยังบอกเราอีกว่า "เพราะความเชื่อเราจึงเข้าใจว่าพระวาจาของพระเจ้าเนรมิตสร้างโลก ดังนั้น สิ่งที่มนุษย์มองเห็นได้จึงเกิดขึ้นจากสิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็น" (11:3)

ถ้อยคำนี้สำหรับเราจึงเป็นข่าวดีที่ให้อิสรภาพ พระคัมภีร์บอกเราว่าทุกสิ่งไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญหรือไร้เหตุผล แต่มาจากพระประสงค์ของพระเจ้า อยู่ในแผนการของพระองค์ ศูนย์กลางของแผนการนี้ก็คือ ทรงเชิญชวนให้เราเข้ามามีส่วนในชีวิตพระกับพระคริสตเจ้า. พระวจนาตถ์ทรงเนรมิตสิ่งสร้าง ที่ยังคงรักษาร่องรอยของเหตุผลผู้เนรมิตสร้างที่จัดระเบียบและนำแนวทางไว้อย่างไม่ลบเลือน เพลงสดุดีต่างๆขับร้องความจริงน่ายินดีนี้ว่า "พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าสร้างท้องฟ้า ลมจากพระโอษฐ์สร้างดวงดาวที่ประดับประดาอยู่บนนั้น" (สดด 33:6) และยังกล่าวอีกว่า "พระองค์ตรัสสิ่งใด ก็เป็นไปตามนั้น ทรงบัญชาสิ่งใด สิ่งนั้นก็ปรากฏ" (สดด 33:9) สิ่งสร้างทั้งปวงแสดงธรรมล้ำลึกประการนี้ให้ปรากฏ "ท้องฟ้าประกาศพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า แผ่นฟ้าบอกเล่าผลงานจากพระหัตถ์ของพระองค์" (สดด 19:1) เพราะฉะนั้น พระคัมภีร์จึงเตือนเราให้มองดูสิ่งสร้างแล้วยอมรับพระผู้เนรมิตสร้าง (เทียบ ปชญ 13:5; รม 1:19-20) ธรรมประเพณีคำสอนของคริสตชนได้พิจารณาลึกซึ้งยิ่งขึ้น ถึงองค์ประกอบสำคัญของวงดนตรีประสานเสียงแห่งพระวาจานี้ ตัวอย่างเช่นนักบุญโบนาเวนตูรา ซึ่งเข้าใจเช่นเดียวกับธรรมประเพณีของบรรดาปิตาจารย์ชาวกรีกว่า ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างขึ้นได้นั้นเกี่ยวข้องกับพระวจนาตถ์[2] ก็กล่าวว่า "สิ่งสร้างทั้งหลายคือพระวาจาของพระเจ้า เพราะสิ่งสร้างเหล่านี้ประกาศถึงพระเจ้า"[3] ธรรมนูญ Dei Verbum กล่าวเรื่องนี้โดยสรุปว่า "พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างและทรงค้ำชูสรรพสิ่งไว้ด้วยพระวจนาตถ์ (เทียบ ยน 1:3) โปรดให้สิ่งที่ทรงเนรมิตสร้างมานั้นเป็นพยานถึงพระองค์อยู่เสมอ"[4]



[1] Cfr Congregatio pro Doctrina Fidei, Declaratio de Iesu Christi atque Ecclesiae unicitate et universalitate salvifica Dominus Iesus (6 Augusti 2000), 13-15;AAS 92 (2000), 754-756.

[2] Cfr. In Hexameron, XX,5: Opera Omnia, V, Quaracchi 1891, p. 425;426; Breviloquium, I,8: Opera Omnia, V, Quaracchi 1891, p. 216-217.

[3] Itinerarium mentis in Deum, II,12: Opera Omnia, V, Quarecchi 1891, p.302-303; cfr. Commentarius  in librum Ecclesiastes, Cap. I, vers. 11: Quaestiones, II,3: Opera Omnia, VI, Quarecchi 1891, p.16.

[4] Conc.Oecum.Vat.II, Const.dogm. de divina Revelatione Dei Verbum, 3; cfr. Con.Oecum.Vat.I, Cons.dogm. de fide catholica Dei Filius, cap. 2, De revelatione: DS 3004.

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก