บทเทศน์โดยพระสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์  วีระ  อาภรณ์รัตน์

อาทิตย์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา  
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2014
 
บทอ่าน     สภษ  31:1-13, 19-20, 30-31;   1ธส  5:1-6;   มธ  25:14-30
พระวรสารสัมพันธ์กับ     คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก  (CCC)   546, 1029, 1720, 1936, 2683
            ประมวลคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร  (CSDC)  259, 326
จุดเน้น     เราถูกเรียกให้ดำเนินชีวิตพระพรแห่งความเชื่อ  เพื่อความดียิ่งใหญ่ของประชากรทุกคนของพระเจ้า


    ใครที่เคยไปเยี่ยมสุสานเก่า  คงได้เห็นว่ามีคนเอาใจใส่มากเขียนคำจารึกบนหลุมฝังศพ  มีคำกล่าวสั้นๆ ถูกจารึกไว้บนแผ่นหิน  คำจารึกเหล่านี้มักเป็นการสรุปชีวิตของผู้ล่วงลับ  บางอันก็มีความหมาย  บางอันก็น่าขัน  บางอันก็แปลกๆ  บางอันก็ลึกซึ้งน่าชม

    เราใกล้สิ้นปีพิธีกรรม  พระศาสนจักรเชิญให้เราพิจารณาคำถามสำคัญของชีวิตและความตาย  ดังที่เราได้ยินจากบทอ่านและพระวรสารวันนี้  ขอพระจิตเจ้าทรงกระตุ้นเราให้สนใจเกี่ยวกับเราเอง  หลังจากต้องจากโลกนี้  เราได้รับโอกาส  สิ่งต่างๆ ที่เราทิ้งไว้เบื้องหลัง  จะให้เขาสลักอะไรจารึกไว้ที่หลุมศพ  จะให้คนอื่นจดจำอะไรเกี่ยวกับเรา

    บทอ่านวันนี้ให้ความคิดดีๆ บางประการในสิ่งที่เราต้องการให้เป็นมรดกสู่คนอื่น    บทอ่านที่หนึ่งจากหนังสือสุภาษิต  ให้ความคิดเกี่ยวกับสตรีในอุดมคติ  ไม่ใช่มีพรสวรรค์ (ความสามารถ) ฝ่ายร่างกายเท่านั้น  แต่มีพร้อมด้วยคุณธรรม  ขยันทำงาน  ใจดี  และรักผู้อื่น   สตรีที่มีคุณธรรมเป็นแบบอย่างได้เมื่อเขาใช้พระพร  และทักษะความสามารถในทางที่ดี  ประเด็นของบทอ่านนี้ คือ มิใช่ว่าเธอได้รับพรสวรรค์  แต่อยู่ที่เธอรู้จักเลือกปฏิบัติด้วยพรสวรรค์และทักษะเหล่านั้นต่างหาก

    พระวรสารยึดหัวข้อนี้ในอุปมาเกี่ยวกับผู้รับใช้ 3 คนที่นายไว้วางใจมอบทรัพย์สินให้  ในกรณีนี้หนึ่งตะลันต์เป็นเหรียญเงินมีค่ามาก  คนหนึ่งได้รับห้า  คนที่สองได้รับสอง  คนที่สามได้รับหนึ่ง  หมายความว่าเราแต่ละคนได้รับสิ่งที่มีคุณค่ามาก

    ดังที่เราได้ยินข้อความพระวรสารนี้  เราอาจจะถูกดึงไปเลี่ยนแบบคนที่ฝังเหรียญเงินไว้เฉยๆ  และมอบเงินคืนให้นาย  ที่สุด  เขายังแสดงตนว่ารอบคอบและเอาใจใส่ทรัพย์สมบัติของคนอื่น  ตามที่เราทราบจากบรรยากาศเศรษฐกิจปัจจุบันว่า  การมีความระมัดระวังและแม้ความกลัวบ่อยๆ ก็เป็นหนทางที่ดีกว่า

    อย่างไรก็ดี  อุปมาหลายเรื่องของพระเยซูเจ้า  พระองค์มีวิธีการสอนตรงข้ามกับความคิดของเราในที่สุด  ในปมเหตุการณ์นี้  คนที่นำเงินไปฝังดินไว้เฉยๆ ก็สูญเสียทุกสิ่ง  รวมทั้งสิ่งที่เขาได้รับมาด้วย  นายสั่งให้ไปให้ผู้อื่น  สำหรับผู้รับใช้ที่ยอมเสี่ยงก็ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบมากขึ้น  และในที่สุดก็ได้รับเชิญไปร่วมความยินดีกับนาย

    ดังนั้นอุปมานี้มีบทสอนใจอะไร  ถ้าเราเห็นว่าเรื่องนี้เป็นการเตือนใจให้ขยันทำงาน  ไม่ต้องกลัวเวลาพระคริสตเจ้าจะเสด็จกลับมา  ปัจจุบันจึงเป็นเวลาที่เราใช้ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้จัดการจนถึงที่สุด  ปัจจุบันเป็นเวลาที่เราใช้พระพร  ความสามารถ  ความหวัง  และอุทิศตนด้วยความรักเมตตาเพราะเห็นแก่พระวรสาร  นี่เป็นงานศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าได้มอบหมายให้เราคริสตชนแต่ละคนที่รับศีลล้างบาป – ให้ลงทุนเต็มที่เพื่องานแห่งอาณาจักรสวรรค์  และนำผู้อื่นมาหาพระคริสตเจ้า

    วันนี้เราลองพิจารณาถึงวาระที่จะต้องจากโลกนี้  เราได้จัดการงานที่พระเจ้ามอบหมายอย่างไร  เราต้องดำเนินชีวิตแต่ละวันราวกับว่าเป็นวันที่นายจะเรียกเรามาดูบัญชี  ถ้าวันนี้เป็นวันนั้น  จะจารึกบนหลุมฝังศพว่าอะไร  บอกว่าเราเป็นผู้รับใช้ที่ดีของพระเจ้า  ได้ใช้ทุกสิ่งที่ได้รับมาเพื่อสร้างอาณาจักรสวรรค์บนแผ่นดิน  ถ้ายังไม่ใช่  เราต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชีวิตเดี๋ยวนี้แล้ว

พระสังฆราชวีระ  อาภรณ์รัตน์  แปล
จาก  Homilies  โดย Catholic  Diocese  of  Lansing,
(ตุลาคม – ธันวาคม  2014), หน้า 480 - 482.