บทเทศน์โดยพระสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์  วีระ  อาภรณ์รัตน์

สัปดาห์ที่  28  เทศกาลธรรมดา
13  ตุลาคม   2013
บทอ่าน    2 พกษ  5: 14-17  ;  2 ทธ  2: 8-13 ;  ลก  17: 11-19
    การจำคนได้หมายความว่าจำเขาในปัจจุบัน  ไม่ใช่อดีตที่ผ่านไปแล้ว  แต่ในฐานะเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดและมีชีวิตกับเรา
    การรักษาให้หายโรคแท้จริง
    เรื่องราวคนโรคเรื้อนสิบคนที่ได้ยินวันนี้  เราพบในพระวรสารนักบุญลูกาเท่านั้น  มีอ้างถึงชาวสะมาเรีย     ผู้นิพนธ์พระวรสารยืนยันว่า  พระเยซูเจ้ากำลังเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็ม  ผ่านแคว้นสะมาเรีย  พระองค์พบคนโรคเรื้อนสิบคนเข้ามาเฝ้าพระองค์ห่างๆ และขอให้พระองค์สงสาร  พวกเขาร้องตะโกนว่า  “พระเยซู  พระอาจารย์”  นักบุญลูกามักใช้วิธีเช่นนี้เฉพาะบรรดาศิษย์เรียกพระเยซูเจ้า  ทำให้เราคิดได้ว่าบรรดาคนโรคเรื้อนแม้อยู่ในสถานการณ์แย่ที่ป่วย  พวกเขาก็ได้รับการพิจารณาว่าเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า

     ความจริง คือ  พวกเขากำลังแสวงหาคนช่วยรักษาให้มีสุขภาพดี  และต้องการร่วมกลุ่มสังคมด้วย  เพราะเมื่อเป็นโรคนี้  พวกเขาต้องแยกออกจากชุมชน  โรคเรื้อนทำให้สังคมรังเกียจ  จึงเป็นสาเหตุที่เขาเฝ้าพระองค์และบรรดาอัครสาวกห่างๆ  ทำตามกฎในสมัยนั้น  พระเยซูเจ้าทรงส่งพวกเขาไปหาบรรดาสมณะ  เพื่อบรรดาสมณะจะได้ตรวจสอบอาการ  ซึ่งพระองค์ทรงรักษาให้หายจากโรค

    มีเรื่องคล้ายกันในพระวรสารอื่น  แต่พระวรสารของนักบุญลูกามีบางสิ่งที่ท่านเน้น  มีรายละเอียดที่บางทีหลายคนมองข้ามไป  ในบรรดาคนโรคเรื้อนมีคนหนึ่งเป็นชาวสะมาเรีย (วรรคที่ 16)  ชาวยิวมักดูถูกชาวสะมาเรีย  แต่พระเยซูเจ้าไม่ดูถูกเขา  ไม่แบ่งแยก  ตรงข้าม  พระเยซูเจ้าทรงสนใจคนที่อยู่ชายขอบ  ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจ  นักบุญลูกาสนใจคนยากจน  สนใจชาวสะมาเรีย (เช่นอุปมาเรื่องชาวสะมาเรียใจดี – ลก 10: 29-37)  บรรดาคนโรคเรื้อนยอมรับชาวสะมาเรียเข้ากลุ่ม  ความเจ็บปวดนำพวกเขามาอยู่ด้วยกัน  อย่างไรก็ดี  ชาวสะมาเรียคนนี้เป็นคนเดียวที่กลับมาขอบพระคุณพระเยซูเจ้า  เขาอาจคิดว่าเป็นคนต่างชาติมีปมด้อย  เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เปิดใจให้พระอาจารย์ (วรรคที่ 15)  กลับมาแสดงตนว่า  เขาเป็นผู้บริสุทธิ์  หายจากโรค  กลับมาถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า  คนหัวใจงดงาม  ไม่ใช่บรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามกฎ  และไม่ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม   คนสุภาพมากกว่าที่มีใจสะอาด  งดงาม  เขาตระหนักในพระพรและความรักที่ได้รับด้วยความกตัญญูรู้คุณ

    จำพระเยซูคริสตเจ้าได้
    ในพระวรสารตอนนี้  ชาวสะมาเรียคนนี้เป็นผู้ที่จำพระเยซูเจ้าได้  เขากตัญญูรู้คุณ  แม้จะอยู่ชายขอบ  และเป็นคนต่างชาติ  ต่างเผ่าพันธุ์  ดังนั้น  ในหนทางสู่กรุงเยรูซาเล็ม  เขาอาจถูกคนทำร้ายได้  แต่พระเยซูประทานชีวิต  ตรัสว่า  “ความเชื่อของท่านทำให้ท่านรอดพ้นแล้ว”  ชาวสะมาเรียลุกขึ้นและไปตามทางของเขา  เขาตระหนักว่าพระเจ้าทรงรักเขา  เขาต้องแบ่งปันฟรีๆ ให้คนอื่นในสิ่งที่เขาได้รับฟรีๆ ด้วย

    การจำพระเยซูเจ้าได้  ดังที่นักบุญเปาโลขอให้เราทำ  “จงระลึกถึงพระเยซูคริสตเจ้า  ผู้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย...  ตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศ”  (2 ทธ 2: 8)  สอนเราให้เป็นประจักษ์พยานความรักของพระเยซูเจ้า  โดยปราศจากขอบเขตด้านกฎเกณฑ์และศาสนา  (พี่น้องลองคิดดูในสมัยของเรา  ใครอยู่ในสภาพเหมือนคนโรคเรื้อนในสมัยของพระเยซูเจ้า)  เราต้องสนใจคนยากจนและคนถูกทอดทิ้ง  พระวาจาวันนี้สอนเรา   เราจะไม่สามารถทำได้  ถ้าเราดำเนินชีวิตเพียงตามความพอใจ  เพราะเหตุที่เราเป็นคริสตชน  เราเป็นคนสำคัญในสังคมหรือในเขตวัด  การขอบคุณแบบชาวสะมาเรียคนนี้  หมายความว่า  มีใจบริสุทธิ์  ตระหนักว่า  “ไม่มีพระเจ้าอื่นใด  นอกจากพระเจ้าองค์นี้”  (2 พกษ 5: 17)

พระสังฆราชวีระ  อาภรณ์รัตน์  แปล
จาก  Sharing the Word  ของ กูสตาโว่ กูตีเอเรส, 2004
หน้า 242-243.