"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“จงจัดเตรียมปัสกาไว้สำหรับพวกเราที่นั่นแหละ”

74. พระเยซูเจ้าทรงทำนายถึงการทรยศของยูดาส (2)
b) ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
       1. พระเยซูเจ้าไม่ทรงยืนยันว่า ยูดาสทำตามชะตากรรมที่จำเป็นโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งเป็นพลังที่ครอบงำและบังคับเขาให้ทรยศต่อพระอาจารย์ เหมือนกับว่าเขาเป็นหุ่นเชิดในแผนการของพระเจ้า โดยแท้จริงแล้ว ยูดาสเป็นบุคคลที่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้เลือกกระทำ เขาจึงทำผิดหนักจนกระทั่ง “ถ้าเขาไม่ได้เกิดมาจะดีกว่า”



      2. บรรดาอัครสาวกทูลถามพระเยซูเจ้าทีละคนว่า “ใช่ข้าพเจ้าหรือไม่” เขาจึงประกาศว่า ตนเองสามารถทรยศต่อพระองค์ได้ เป็นช่วงเวลาแห่งความจริงที่จะชดเชยความผิดและความอับอายของเขาเมื่อจะหนีจากพระองค์ในสวนเกทเสมนี นี่เป็นท่าทีที่เราทุกคนต้องมีอยู่เสมอ เมื่อคนใดคนหนึ่งทรยศต่อหมู่คณะ เวลานั้น เราต้องรวบรวมความน่าสยดสยองที่มีการทรยศกับจิตสำนึกที่ว่าเราอาจจะเป็นผู้นั้นก็ได้ คือผู้ที่ทรยศ หนีไป และปฏิเสธไม่ยอมรับความผิดของตน

        3. ยูดาไม่ใช่สัตว์ประหลาดดังที่เรามักจะคิดว่าเขาเป็นเช่นนั้น บาปของเขาเป็นบาปเช่นเดียวกับของฉัน ซึ่งทำให้พระเยซูเจ้าต้องสิ้นพระชนม์ เป็นบาปของโลกที่เราแต่ละคนมีส่วนร่วมตามสัดส่วนของตน บาปนี้อยู่ในการที่เรามองไม่เห็นของประทานจากพระองค์อีกแล้ว อยู่ในการปฏิเสธไม่ยอมรับการอภัยผิด (เทียบ มธ 27:3-5) แน่นอน เมื่อยูดาสทรยศต่อพระองค์และฆ่าตัวตาย พระเยซูเจ้าทรงมีประสบการณ์น่าสะเทือนพระทัยมากที่สุด นั่นคือ โศกนาฏกรรมของความรักที่ล้มเหลว เราอาจยืนยันได้อย่างถูกต้องว่า พระองค์ทรงมีความทุกข์จนกระทั่งยอมสิ้นพระชนม์เพื่อยูดาส ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์เพื่อมนุษย์อื่น ๆ ทุกคน พระเยซูเจ้าทรงมอบพระองค์แก่บุคคลกลุ่มหนึ่งที่ทรยศ ปฏิเสธและหนีจากพระองค์ ทรงทราบแล้วว่าแม้มนุษย์มีเจตนาดีแต่ไม่สามารถทำสิ่งอื่นใด น่าสังเกตว่า พระเยซูเจ้าทรงมอบพระองค์เองแก่มนุษย์ ไม่ใช่เพราะทรงเห็นสภาพเช่นนี้ของเขา แต่เพื่อทรงทำให้สถานที่แห่งความล้มเหลวของมนุษย์ กลับเป็นสถานที่แห่งความรอดพ้นของมนุษย์ โดยประทานการอภัย เราเข้าใจข่าวดีของพระองค์ก็ต่อเมื่อเข้าใจว่า พระเยซูเจ้าทรงรักและทรงมอบพระองค์เพื่อข้าพเจ้า

      4. ผู้ทรยศต่อความเชื่อไม่ใช่คริสตชนที่ไม่ซื่อสัตย์ อ่อนแอและเป็นคนบาป เพราะ "ผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มเป็นคนแรกเถิด" (ยน 8: 7) แม้คนเหล่านี้ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระคริสตเจ้า แต่ก็ยังคงเป็นผู้เชื่อในพระองค์อยู่เสมอ และความซื่อสัตย์ของพระองค์ห้อมล้อมเขาไว้ ผู้ทรยศต่อความเชื่อคือผู้ที่ปิดบังตัวต่อความซื่อสัตย์ของพระคริสตเจ้า และถอนตัวออกจากของประทานแห่งพระหรรษทานของพระองค์ เขาเหล่านี้ไม่ยอมรับหนทางแห่งไม้กางเขน แห่งความล้มเหลวและแห่งความไร้ผล เขาปฏิเสธไม่ยอมรับเรื่องสะดุดของไม้กางเขน และรู้สึกว่าพระคริสตเจ้าทรงทรยศต่อเขา ทรงทำให้ความหวังของเขาล้มเหลว เขาจมดิ่งอยู่ในความคิดของโลก ซึ่งมีแต่การแลกเปลี่ยนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดังนั้น เขาจึงปิดตนเองต่อของประทานจากพระเจ้าและมองไม่เห็นผู้ที่ทรงมอบพระองค์แก่เขา ผู้ทรยศจึงเป็นผู้กระทำและยอมรับ "บาปของโลก" คือบาปแห่งการไม่เชื่อในพระเยซูเจ้าและในกิจการงานของพระองค์ นักบุญเปโตรและยูดาสเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของทัศนคติสองประการ คริสตชนแต่ละคนต้องค้นหาว่า ตนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเยซูเจ้าอย่างไร ตนเป็นเหมือน “นักบุญเปโตร” หรือเป็นเหมือน “ยูดาส”

       5. เป็นที่ปรากฏชัดเจนว่าการทรยศหรือ "บาปของโลก" ไม่เป็นเพียงบาปของโลกคือของผู้อื่นที่ไม่ใช่คริสตชนเท่านั้น แต่ยังเป็นบาปที่อยู่ในหมู่ของคริสตชนอีกด้วย เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า “คนหนึ่งในที่นี้จะทรยศต่อเรา” ทรงเปิดเผยว่าบาปอยู่ภายในหมู่คริสตชนด้วย พระเยซูเจ้าทรงส่องสว่างกลุ่มคริสตชนเกี่ยวกับบาปของตนและความผิดที่ได้กระทำ เพื่อทรงนำเขาไปสู่การให้อภัยถาวร คือทรงนำเขาไปสู่พันธสัญญาใหม่ซึ่งพระองค์จะทรงกระทำเดชะพระวรกายและพระโลหิตของพระองค์ ถ้าไม่มีการยอมรับความผิดที่ได้กระทำก็จะไม่มีการอภัยบาป หมู่คริสตชนที่ไม่ยอมรับว่าเป็นคนบาป ก็เท่ากับว่าปฏิเสธไม่ยอมรับพระหรรษทานจากพระองค์