"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง”
75. พระเยซูเจ้าทรงทำนายว่าเปโตรจะปฏิเสธพระองค์ (2)
b) ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
           1. พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกว่า “ท่านทุกคนจะทอดทิ้งเรา" ถ้าแปลพระวาจาประโยคนี้ตามตัวอักษรจะได้ว่า “ท่านจะสะดุดล้ม” พระเยซูเจ้าทรงประกาศล่วงหน้าอีกครั้งหนึ่งถึงสิ่งที่เคยตรัสไว้แล้วกับบรรดาอัครสาวกว่า การรับทรมานและการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนจะเป็นเรื่องที่ทำให้เขาสะดุดล้ม จะเป็นอุปสรรคขัดขวางความเชื่อของเขา ปฏิกิริยาของนักบุญเปโตรและอัครสาวกคนอื่น ๆ คือการไม่เข้าใจวิถีทางของพระองค์ เพราะเขาเห็นว่าพระองค์ไม่ทรงเป็นดังที่คาดหวังไว้ เป็นเหมือนก้อนหินขัดขวางหนทาง ซึ่งหมายถึงไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า บรรดาอัครสาวกรอคอยพระเมสสิยาห์ผู้ไม่ทรงมอบพระองค์เองแก่ศัตรู เพราะพระบุตรของพระเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ พระเจ้าผู้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนอย่างคนที่ถูกสาปแช่ง เป็นความคิดที่ขัดแย้งในตัวเอง เป็นเรื่องไร้สาระ บรรดาอัครสาวกต้องการพระเจ้าที่แตกต่างจากนี้ ต้องการพระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ ผู้ทรงทำอัศจรรย์ได้ และเป็นเจ้านายของทุกคนเพื่อมนุษย์จะได้เป็นเหมือนพระองค์ โดยแท้จริงแล้ว นี่เป็นผลของบาปกำเนิด เรามีภาพลักษณ์ผิด ๆ เกี่ยวกับพระเจ้าฝังรากลึกอยู่ในตัว แล้วจึงคิดว่าพระเยซูเจ้าในฐานะที่ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าก็ทรงมีคุณลักษณะดังกล่าว แต่จริง ๆ แล้ว เป็นพระเยซูเจ้าผู้ทรงเปิดเผยว่าพระเจ้าเป็นผู้ใด โดยยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กาเขน

           2. ในพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า “เราจะตีผู้เลี้ยงแกะ” ผู้เลี้ยงแกะเป็นแบบอย่างของแกะ เราทุกคนเป็นแกะและติดตามผู้เลี้ยง ผู้เลี้ยงแกะเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าผู้ทรงอำนาจ เป็นบุคคลที่รู้ว่าที่ใดมีอาหารกิน มีน้ำดื่ม และทำเฉลิมฉลองได้ ฝูงแกะเดินตามผู้เลี้ยงไปถึงทุ่งหญ้า แต่ถ้าผู้เลี้ยงแกะถูกเฆี่ยนตีและกลายเป็นลูกแกะผู้แบกความชั่วร้ายของโลก หมายถึงความชั่วร้ายที่เราผู้เป็นแกะได้กระทำ แล้วทำไมเรายังติดตามผู้เลี้ยงแกะคนนั้นเล่า ในวัฒนธรรมโบราณ ผู้เลี้ยงแกะเป็นกษัตริย์ เป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้า แต่ถ้าผู้เลี้ยงกลายเป็นลูกแกะผู้ตายบนไม้กางเขน เพื่อแบกความชั่วร้ายของเรา เราจะเห็นความชั่วร้ายทั้งหมดของโลกอยู่ในลูกแกะตัวนั้นไม่ใช่อยู่ในตัว เราจึงถูกเรียกให้ติดตามผู้ที่ต่ำต้อยในสายตาของมนุษย์ แต่มนุษย์ต้องการพระเจ้าผู้ทรงอำนาจ ทรงตอบสนองความปรารถนาทุกอย่าง ดังนั้น พระเจ้าผู้ทรงอ่อนแอ ผู้ทรงถ่อมตนจึงไม่เป็นประโยชน์สำหรับมนุษย์ มนุษย์จึงต้องการพระเจ้าผู้ทรงร่ำรวย ทรงมีบริวารล้อมรอบ ทรงเป็นบุคคลสำคัญ แต่พระเจ้าพระองค์นั้นเป็นเพียงลูกแกะต่ำต้อย สุนัขป่าจึงฆ่ากินทันที เพราะมีเนื้ออ่อนนุ่มและเดินตามหลังฝูงแกะ พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองว่า ทรงเป็นลูกแกะตัวนี้

           3. ก่อนที่พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงทราบแล้วว่าบรรดาอัครสาวกจะทอดทิ้งพระองค์ อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงสัญญาแก่เขาว่า เมื่อจะกลับคืนชีพแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิลีก่อนหน้าท่าน ท่านทั้งหลายจงตามเรามา เราจะเรียกทุกคนที่ได้ปฏิเสธเรา ทอดทิ้งเราให้อยู่คนเดียว หมายความว่า เมื่อพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพ จะเสด็จมาพบกับบรรดาศิษย์ เพื่อจะเป็นผู้เลี้ยงแกะที่แท้จริง ในฐานะลูกแกะผู้นำ พระองค์จะเสด็จไปยังแคว้นกาลิลีก่อนบรรดาอัครสาวก เพื่อพบเขาในสถานที่ที่บรรดาศิษย์เคยอาศัยอยู่ นำเขาไปสู่แหล่งที่มาของชีวิต

           4. นักบุญเปโตรทูลว่า “แม้ว่าทุกคนจะทอดทิ้งพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ทอดทิ้งพระองค์เลย” ถ้อยคำเหล่านี้แสดงความคิดของนักบุญเปโตรอย่างชัดเจนว่า ข้าพเจ้าเป็นคนเก่ง แม้พระองค์จะทรงรับทรมานและสิ้นพระชนม์ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมพระองค์ทรงกระทำเช่นนี้ ก็ไม่เป็นไร ข้าพเจ้าเคยทูลพระองค์แล้วว่า ไม่ควรทำเช่นนี้ แต่พระองค์ทรงเรียกข้าพเจ้าว่าเป็นซาตาน ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเงียบและไม่พูดอีกต่อไป ขอพระองค์โปรดรู้ไว้ว่า ข้าพเจ้าเป็นคนดี และพระองค์ทรงกระทำสิ่งใด ข้าพเจ้าก็ไม่ทอดทิ้งพระองค์ แม้พระองค์ทรงเป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าก็จะซื่อสัตย์ต่อพระองค์ โปรดรู้ไว้ว่า ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนผู้อื่น เขาเหล่านั้นทอดทิ้งพระองค์ แต่ข้าพเจ้าจะไม่ทอดทิ้งพระองค์เลย ผู้มีใจศรัทธาหลายคนเป็นเหมือนนักบุญเปโตร และคิดว่าตนเป็นผู้ชอบธรรม ที่เป็นเช่นนี้ก็รู้ได้ทันทีจากการตัดสินลงโทษผู้อื่น คนเหล่านั้นทูลพระเยซูเจ้าว่า “ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนผู้อื่น จงไว้ใจข้าพเจ้าเถิด พระองค์ไว้ใจข้าพเจ้าได้” โดยแท้จริงแล้ว ความคิดที่ว่าเราไม่เป็นเหมือนผู้อื่นและอยู่เหนือผู้อื่นเป็นบาปหนัก เพราะเป็นการดูหมิ่นผู้อื่น เป็นการดูหมิ่นพระเจ้าผู้ทรงสร้างผู้อื่น และเป็นการดูหมิ่นเพื่อนพี่น้อง แสดงว่าเราไม่มีความรัก ไม่มีความเมตตากรุณา เป็นผู้ตัดสินลงโทษ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่ขัดแย้งกับพระเจ้า เป็นการตั้งตนเองแทนพระเจ้า แต่พระเจ้าไม่ทรงเป็นเช่นนั้น นี่เป็นบาปของผู้มีใจศรัทธา ที่ทำให้พระนามพระเจ้าถูกดูหมิ่นในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย (เทียบ รม 2:24)