ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันอังคารที่ 4 ตุลาคม 2016

สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา

ระลึกถึงนักบุญฟรังซิส อัสซีซี

บทอ่าน กท 1:13-24 / 10:38-42

 ในพระวรสารวันนี้ เรามีมุมมอง 2 อย่างด้วยกัน
ประการที่หนึ่ง จากมุมมองของมาร์ทา เธอรู้สึกผิดหวังที่มารีย์น้องสาวของเธอ มิได้ช่วยเหลือเธอในการต้อนรับพระเยซูเจ้า ได้บอกกับพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ไม่สนพระทัยหรือ ที่น้องสาวดิฉันปล่อยดิฉันให้ทำการปฎิบัติแต่คนเดียว? ขอพระองค์สั่งเธอให้มาช่วยดิฉันบ้าง” เธอคงมั่นใจว่า พระเยซูเจ้าจะฟังคำวอนขอของเธอ แต่พระองค์มิได้ทำตาม เพียงแต่ต้องการบอกว่า เธอไม่ควรจะเรียกร้องให้มารีย์ทำเหมือนเธอ เพราะสิ่งที่มารีย์กระทำนั้น มีคุณค่ามากกว่าสิ่งที่เธอได้กระทำ

ประการที่สอง จากมุมมองของมารีย์ เธอได้ให้แบบอย่างของการนั่งแทบพระบาทพระเยซูเจ้า คอยฟังพระวาจาของพระองค์ เป็นข้อเตือนใจว่า ในการทำกิจการประจำวัน เราต้องการเวลาหยุด เพื่อฟังและรำพึงพระวาจาของพระเป็นเจ้า การที่พระเยซูเจ้าได้เอ่ยชื่อของมาร์ทาสองครั้ง แสดงว่า สิ่งที่มารีย์ได้ทำนั้น เป็นสิ่งเหมาะสมอย่างยิ่ง

 เหตุการณ์ทำนองเดียวกัน ได้เกิดขึ้นกับนักบุญฟรังซีส อัสซีซี ที่ได้ฟังพระวาจาของพระเยซูเจ้า ขณะที่ท่านกำลังสวดภาวนาที่วัดนักบุญดาเมียน ท่านได้ยินพระเยซูเจ้าตรัสจากไม้กางเขนว่า “ฟรังซีส กรุณาช่วยบูรณะพระศาสนจักรของเราด้วย” ทำให้ท่านคิดว่า พระองค์ต้องการให้ท่านช่วยบูรณะวัดที่สร้างด้วยวัตถุ จึงกลับไปบ้าน ได้ขายวัสดุเพื่อนำเงินมาบูรณะวัดหลังนั้น ทำให้บิดาของท่านโกรธมาก จึงได้นำตัวท่านมาคุกเข่าต่อหน้าพระสังฆราช เพื่อบังคับให้ฟรังซีสคืนเงิน และให้ประกาศการสละการเป็นทายาท  พระสังฆราชมีใจเมตตาต่อฟรังซีส ได้บอกให้ท่านคืนเงินให้บิดาของท่าน ฟรังซีสจึงได้คืนเงินพร้อมกับถอดเสื้อผ้าคืนให้บิดา
พร้อมกับประกาศว่า “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าสามารถจะพูดอย่างเสรีว่า’ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย ผู้สถิตในสวรรค์” และ ยังได้ร้องเพลงด้วยความยินดี เพราะตั้งแต่บัดนั้น ฟรังซีสจะไม่เหลืออะไรอีก...แต่จะมีทุกสิ่ง...

เรามัวแต่สนใจในเรื่องวัตถุ จนลืมเรื่องเกี่ยวกับพระเป็นเจ้าหรือไม่?