ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันพุธที่ 29 มีนาคม 2017
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
บทอ่าน อพย 32:17-24 / ยน 5:31-47
         เราเคยได้ยินแม่ตะโกนหรือไม่ว่า “โอ้!พระเจ้าลูกได้ลืมลูกน้อยไว้ในรถบัส”หรือว่า “ดิฉันได้ลืมลูกน้อยไว้ในวัด”หรือ “ฉันได้ลืมลูกน้อยไว้ที่ร้านแต่งผม”

แน่นอนสิ่งดังกล่าวนั้นคงจะไม่เกิดขึ้น
เพราะเมื่อเวลาที่แม่อุ้มลูกไว้ในแขน


แม่อาจจะลืมหลายสิ่งหลายอย่างไว้ข้างหลัง แต่ว่าแม่คงจะไม่ลืมปล่อยให้ลูกน้อยของตัวเองนั้นอยู่ตามลำพัง เพราะแม่จะมีจิตสำนึกอยู่ตลอดเวลาว่า “ลูกน้อยนั้นจะต้องอยู่ที่ในวงแขนของเธอซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะะลืมจิตสำนึกนี้”

         ในบทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์วันนี้ พระเป็นเจ้าได้เปรียบตัวของพระองค์เหมือนกับแม่ ว่า แม้แม่จะลืมลูกน้อยของตัวเอง แต่พระองค์ไม่สามารถที่จะลืมประชากรอิสราเอลได้
ในข้อความดังกล่าวนั้น สิ่งที่ต้องการมากที่สุดในเวลานั้น ก็คือความวางใจในพระเป็นเจ้า เมื่อพวกเขากำลังจะกลับจากดินแดนเนรเทศในกรุงบาบิโลน และจะไปพบกับอนาคตที่มืดมน เพราะว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ประชากรอิสราเอลได้เจริญรุ่งเรืองอย่างมากในกรุงบาบิโลน แต่บัดนี้พวกเขากำลังจะกลับไปยังประเทศปาเลสไตน์ ที่ได้ถูกทำลายล้าง กลายเป็นประเทศที่ล่มสลาย แต่อิสยาห์ได้ให้ความมั่นใจว่า พวกเขาจะต้องวางใจในพระเจ้า ซึ่งจะทำให้ประเทศปาเลสไตน์นั้น กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง…

          ในชีวิตของเรานั้น เราอาจมีความรู้สึกว่า เราถูกพระเป็นเจ้าทอดทิ้ง เพราะชีวิตตกต่ำ ไม่มีความบรรเทาใจ จึงทำให้คิดถึงคำพูดของประชากรอิสราเอลว่า”พระเป็นเจ้าได้ละทิ้งข้าพเจ้าไป พระเป็นเจ้าของข้าพเจ้าได้ลืมข้าพเจ้าเจ้าเสียแล้ว”
เราจะต้องทบทวนคำของประกาศกอิสยาห์ว่า “ผู้หญิงจะลืมบุตรน้อยของตัวเองได้หรือ? แม้ว่านางจะลืมได้ กระนั้นเราก็จะไม่ลืมเจ้า”(อสย 49:15)