ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน  โดย..คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์

วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2017
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต
ดนล 9:4ข-10 / ลก 6:36-38
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                             

             เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสินเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน

จงให้อภัยเขา แล้วพระเจ้าจะทรงให้อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะว่าท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย”

 (พระวาจาของพระเจ้า)

----------

 ช่วงเวลาแห่งการ "สำนึกกลับใจ"
 เป็นเวลาที่เราเห็น "ความกว้างใหญ่ไพศาล" ของพระเมตตาของพระเจ้าได้มากมาย
 เพราะว่า "ท่าที" ของประกาศกดาเนียล ที่ตอนสุดท้ายเป็นผู้ยืนยันความเชื่อในพระเจ้าจนกระทั่งต้องโทษจากกษัตริย์ แต่ก็ไม่ได้ "ละทิ้งความเชื่อ"

 จากหนังสือประกาศกดาเนียลที่เล่าว่า "ข้าพเจ้าทั้งหลายมิได้เชื่อฟังบรรดาประกาศก ผู้รับใช้ของพระองค์ซึ่งพูดในพระนามพระองค์ต่อบรรดากษัตริย์ บรรดาเจ้านาย บรรดาบรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลาย และต่อประชากรทั้งมวลของแผ่นดิน ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ความเที่ยงธรรมเป็นของพระองค์ ส่วนความอับอายเป็นของข้าพเจ้าทั้งหลาย "
 ความสำนึกกลับใจ เป็น ท่าทีของความเชื่อ
 เพราะว่า การไม่สำนึก ไม่กลับใจ เป็นท่าทีของความเชื่อมั่นในตนเอง เหมือน "ผลไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว รู้ว่าดีสำหรับตัวเอง อาจไม่ดีสำหรับคนอื่น ดีสำหรับตัว ได้แก่ตัว เอาแค่พอตัวหรืออาจเกินตัว รู้ชั่ว คือรู้ว่าชั่วแล้วได้ดีแก่ตัว รู้ว่าชั่วแต่ไม่รู้ช้ำกระทำแก่ตัว รู้ว่าชั่วแต่รู้หลบหลีกฉีกหนีจากตัว การเปรียบเทียบผลแห่งความรู้ดีรู้ชั่ว เป็นท่าทีความไม่สำนึกไม่กลับใจ ไม่ใช่ท่าทีของความเชื่อ
 ความเชื่อ ทำให้ พระเมตตาของพระเจ้ามีผลต่อตัวเอง คือ กลับใจ
 มหาพรต จึงเป็นช่วงเวลาที่เราใช้เวลาพิเศษ สำนึกกลับใจ เพราะรู้จัก รู้ลึก รู้ซึ้งในพระเมตตาของพระเจ้า มากกว่า พละกำลังของตนเอง ดังพระวาจาที่บอกว่า

 “จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสินเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน จงให้อภัยเขา แล้วพระเจ้าจะทรงให้อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน"