ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันพฤหัสที่ 6 ตุลาคม 2016

สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา

ระลึกถึงนักบุญบรูโน พระสงฆ์

บทอ่าน กท 3:1-5 / ลก 11:5-13

 เด็กคนหนึ่งได้ไปหาพระสงฆ์และถามว่า “คุณพ่อครับ พระเป็นเจ้าฟังคำภาวนาของลูกหรือไม่?”
พระสงฆ์ได้ตอบว่า “แน่นอนพระองค์ทรงฟังคำภาวนาของลูก และทรงประทานตามความต้องการของลูก  ทำไมจึงถามอย่างนี้?” เด็กคนนั้นได้ตอบว่า “เพราะดูเหมือนพระเป็นเจ้ามิได้สนใจ และตอบคำภาวนาของลูกครับ”


คุณพ่อจึงได้อธิบายต่อว่า “พระเป็นเจ้าทรงฟังและทรงตอบคำภาวนาของเราดังนี้

ประการที่หนึ่ง พระองค์ทรงฟังและตอบคำภาวนาของเรา พร้อมกับประทานทันทีตามที่เราวิงวอนขอ  

ประการที่สอง  พระองค์ทรงฟังและตอบคำภาวนาของเรา ตามที่พระองค์ทรงพอพระทัย และตามเวลาและวิธีการของเรา

ประการที่สาม พระองค์ไม่ทรงฟังและไม่ตอบคำภาวนาของเรา เพราะพระองค์มีสิ่งที่ดีกว่าและเป็นประโยชน์มากกว่าสำหรับเรา บัดนี้ จงพิจารณาเองว่า ในสามประการนี้ พระเป็นเจ้าได้ฟังคำภาวนาประการไหนของลูก” ต่อจากนั้นคุณพ่อได้สรุปว่า “ลูกเพียงแต่ฟังและตอบรับพระประสงค์ของพระองค์เท่านั้น”...พระเป็นเจ้าได้ตอบสนองตามคำวิงวอนของประการใดของท่านบ้าง? และเมื่อท่านได้รับตามที่วิงวอนขอแล้ว ท่านได้ขอบพระคุณพระองค์หรือไม่? ...พระเป็นเจ้ามิได้ตอบสนองตามคำวิงวอนขอประการใดของท่านบ้าง? ท่านเสียใจ และเลิกล้มการสวดภาวนา หรือว่าท่านยังคงสวดภาวนาต่อไปมากกว่าเดิมหรือไม่?...

นักบุญซีริลแห่งเยรูซาเล็มได้กล่าวว่า”เนื่องจากพระเยซูเจ้าเองได้เคยตรัสว่า ‘นี่คือกายของเรา’ ใครเล่ายังกล้าสงสัยว่าไม่ใช่พระกายของพระองค์?”... นับุญเทเรซา แห่งลีซีเออร์ได้กล่าวว่า “สำหรับดิฉันแล้ว คำภาวนาคือ การยกจิตใจขึ้นไปยังสวรรค์ มันเป็นเสียงร้องทั้งยอมรับและรักพระองค์ ทั้งยินดีรับความทุกข์ทรมานและความยินดี”...และนักบุญออกัสตินได้สวดภาวนาว่า “ ลูกได้รักพระองค์ช้าเกินไป โอ้พระองค์ผู้ทรงเป็นความงดงามทั้งในสมัยโบราณและในสมัยใหม่ ลูกได้รักพระองค์ช้าเกินไป “