ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน  โดย..คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2016

สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา

1คร.10:14-22 / ลก 6: 43-49

บทอ่านจากพระวรสารตามคำเล่าของนักบุญลูกา

 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า
 “ต้นไม้ที่เกิดผลเลวย่อมไม่ใช่ต้นไม้ที่ดี หรือต้นไม้เลวย่อมไม่ให้ผลดีเช่นกัน เรารู้จักต้นไม้แต่ละต้นได้จากผลของต้นไม้นั้น เราย่อมไม่เก็บผลมะเดื่อเทศจากพงหนาม หรือเก็บผลองุ่นจากกอหนาม คนดีย่อมนำเอาสิ่งที่ดีออกมาจากขุมทรัพย์ที่ดีในใจของตน ส่วนคนเลวย่อมเอาสิ่งที่เลวออกมาจากขุมทรัยพ์ที่เลวของตน เพราะว่าปากย่อมกล่าวสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา


 ทำไมท่านจึงเรียกเราว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าแต่พระเจ้า” และไม่ปฏิบัติตามที่เรากล่าวเล่า?
 ทุกคนที่มาหาเรา ย่อมฟังคำของเราและนำไปปฏิบัติ เราจะชี้ให้ท่านทั้งหลายเห็นว่า เขาเปรียบเสมือนผู้ใด เขาเปรียบเสมือนคนที่สร้างบ้าน เขาขุดหลุม ขุดลงไปลึก และวางรากฐานไว้บนหิน เมื่อเกิดน้ำท่วม น้ำในแม่น้ำไหลมาปะทะบ้านหลังนั้น แต่ไม่สามารถทำให้บ้านนั้นหวั่นไหว เพราะบ้านนั้นได้สร้างไว้อย่างดี แต่ผู้ที่ฟังและไม่ปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนที่สร้างบ้านไว้บนพื้นดินโดยไม่มีรากฐาน เมื่อน้ำในแม่น้ำไหลมาปะทะ บ้านนั้นก็พังทลายลงทันที และความเสียหายของบ้านนั้นก็ใหญ่ยิ่ง

 (พระวาจาของพระเจ้า)

———————

 เราอยู่ในวงล้อมบรรยากาศ ต้องทำบางอย่างที่เป็น “เรื่องที่พระเจ้าได้บอกสักคำ หรือ ต้องการผ่านทางเครื่องหมายสักอย่าง”
 เราเอาใจพระเจ้าไปทำไม? เหมือนเราเอาใจ รูปสลักปั้นวาง ต้องมีนำ้แดง หรือ ข้าวปลาอาหาร ถ้าเพียงแค่ “เอาใจ ไม่ให้ เอาโทษ” พระเจ้าที่เราเชื่อ ก็แค่ “เชื่อง”
 ความเชื่อในพระเจ้า ต้องไม่เฝ้าเอาใจ
 มิฉะนั้น เรามีความเชื่อแค่ยุคชาวอิสราเอล ที่มีพระเจ้าเอาแต่ใจ เป็นรูปปั้นที่เขานับถือ ดังเช่นจดหมายนักบุญเปาโลที่ว่า “เนื้อที่ถวายแด่รูปปฏิมานั้นมีความสำคัญอะไรหรือ? รูปปฏิมานั้นมีความสำคัญอะไรหรือ?”

 พระเจ้าทีเอาใจแต่ เลี้ยงให้เชื่อง มีข้าวของ ร่ายรายการที่ต้องปรนบัติพัดวี แต่พระเจ้าที่ไม่ต้องการเอาใจ เป็นพระเจ้าแห่งความเมตตา ที่ให้ไม่ใช่รับ ที่ปกปักไม่ใช่ตักตวง ที่ฟื้นฟูมากว่าลงฑัณฑ์เอาแต่อารมณ์ ที่ลักษณะนี้ไม่ใช่พระเจ้าองค์ความรักความเมตตาที่เราต้องพิจารณา

(Credit จาก Facebook คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์)