บทเทศน์โดยพระสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์  วีระ  อาภรณ์รัตน์

วันอาทิตย์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา
16 กรกฎาคม 2017
บทอ่าน    อสย  55:10-11   ;   รม  8:18-23   ;   มธ  13:1-9
พระวรสารสัมพันธ์กับ    คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC)  29, 546, 787, 1724
                                   ประมวลคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร  (CSDC)  325
จุดเน้น        ให้เราทุ่มเทในการแบ่งปันพระวาจากับผู้อื่น


    ภาพลักษณ์ 2 อย่างเห็นชัดในพระคัมภีร์วันอาทิตย์นี้  ทั้งสองมาจากธรรมชาติของโลก คือ ฝน และ การหว่านเมล็ดพืช    ผู้เขียนพระคัมภีร์ใช้บรรยายไม่ใช่แค่เรื่องอาณาจักรพระเจ้าเท่านั้น  แต่ที่สำคัญกว่าก็คือ พระอาณาจักร  เป็นส่วนในบรรดาศิษย์ของพระคริสต์ได้อย่างไร    บทอ่านแรกจากประกาศกอิสยาห์  เปรียบพระวาจากับฝนและหิมะลงมาจากท้องฟ้า  รดแผ่นดิน  ทำให้ดินอ่อน  และทำให้พืชงอกขึ้น  จนบังเกิดผลมากมาย     น้ำฝน เป็นสิ่งจำเป็น  นำความเติบโต  ไม่มีฝน  แผ่นดินก็ไม่สามารถทำให้เมล็ดพืชงอกงามได้  เช่นเดียวกันกับคริสตชน  พระวาจาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความก้าวหน้าฝ่ายจิตวิญญาณของเรา  เหมือนฝน  ความหมาย ภาพลักษณ์และคำสอนของพระวาจา คือ ทำให้หัวใจของเราชุ่มชื่น  แผ่ซ่านในชีวิต  และทำให้เกิดพลังฝ่ายจิตแก่บรรดาศิษย์และผู้สืบทอดที่ซื่อสัตย์  มุ่งสู่อาณาจักรสวรรค์

    พระวาจาของพระเจ้าทั้งพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่  เป็นเรื่องราวของพระศาสนจักร  และการที่พระเจ้าเข้ามามีส่วนอย่างซื่อสัตย์กับประชากรของพระองค์  เหมือนครอบครัวที่ชุมนุมกันรอบโต๊ะเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสใดๆ ด้วยความปีติยินดี  ดันนั้นพระศาสนจักรเชิญเราให้ฟังเรื่องราว  การมีส่วนร่วมและพระสัญญาของพระเจ้าแก่เราทุกคน  ดังนั้น เมื่อพระเจ้าทรงสัญญาในบทอ่านแรกว่า  คำพูดของพระองค์จะไม่กลับโดยไม่เกิดผล  แต่จะบรรลุจุดประสงค์  กล่าวคือ พระสัญญานั้นเป็นจริงสำหรับเราเหมือนประชาชนในสมัยประกาศกอิสยาห์

    พระสัญญานั้นคืออะไร  บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโรม  ได้ตอบเกี่ยวกับพระสัญญาว่า  ครั้งหนึ่งได้เป็นสัญญาสำหรับอิสราเอล  แต่บัดนี้เปิดสำหรับทุกชาติ  กล่าวคือ เราจะได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสของความเสื่อมสลาย  และเราจะไปรับอิสรภาพอันรุ่งเรืองของบรรดาบุตรของพระเจ้า

    พลังแห่งพระวาจาของพระเจ้ามาถึงเราอย่างเท่าเทียมกัน  ดังในอุปมาที่พระเยซูเจ้าทรงสอนในพระวรสารนี้  ด้วยการใช้ภาพลักษณ์ของการหว่านเมล็ดพืช  เหมือนอุปมาทุกเรื่องที่ใช้ความหมายของสิ่งธรรมดาๆ ที่ทุกคนรู้จักกันดี  พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องของชาวนาออกไปหว่านเมล็ดพืช  ชาวบ้านคุ้นเคยและธรรมดามาก  กระนั้นภายใต้เรื่องธรรมดาๆ นี้  เป็นอุปมาถึงกระแสเรียกคริสตชน  พระเยซูเจ้าหวังกระตุ้นให้ผู้ฟังตอบ  โดยประยุกต์ส่วนตัวในชีวิตของเราแต่ละคน

    อุปมานี้มิใช่ธรรมดาเกี่ยวกับดินที่เมล็ดพืชตกลงไปที่ใด  แต่เป็นเกี่ยวกับกระบวนการที่ความเชื่อเติบโต  เราจึงพบพระอาณาจักรสวรรค์  การตอบข่าวสารพระวรสารด้วยการดำเนินชีวิตอย่างซื่อสัตย์  เป็นกุญแจสำคัญที่นี่  ในทางเดียวกัน  ชาวนาคนนี้ไม่สามารถหวังร้อยเปอร์เซ็นต์  ดังนั้นเราก็ไม่สามารถเลือกเวลาและสถานที่  ซึ่งเราต้องเป็นประจักษ์พยานต่อพระวรสารในวิถีซื่อสัตย์และใจดี  แต่เราต้องพร้อม    สิ่งสำคัญคือ เหมือนผู้หว่านในพระวรสารวันนี้  เราต้องทุ่มเทในการหว่านเมล็ดพืช  และแบ่งปันพระวาจานั้น

พระสังฆราช  วีระ  อาภรณ์รัตน์  แปล
จาก  Daily Homilies โดย Catholic  Diocese  of  Lansing,
(กรกฎาคม-กันยายน 2017), หน้า 310-311.