บทเทศน์โดยพระสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์  วีระ  อาภรณ์รัตน์วันอาทิตย์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา
2 ตุลาคม 2016

บทอ่าน    ฮบก  1:2-3 ; 2:2-4   ;    2 ทธ  1:6-8, 13-14   ;    ลก  17:5-10
พระวรสารสัมพันธ์กับ    คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC)  162
จุดเน้น     พระเจ้าจะทรงนำเรื่องพระอาณาจักรด้วยอำนาจของพระองค์เอง  เราเป็นเพียงคนรับใช้ของพระองค์


    บทอ่านต่างๆ วันนี้พูดถึงอำนาจ  ความกล้าหาญ  และพละกำลังที่เราได้รับ  อาศัยความเชื่อในพระเยซูเจ้า  ดังเช่นพละกำลังที่จะแบกภาระหนักเพื่อพระวรสาร  และมหัศจรรย์ที่พระเจ้าสามารถทำงานโดยอาศัยความเชื่อของเรา  เหมือนต้นไม้ “ถูกถอนราก  แล้วไปขึ้นอยู่ในทะเล”  พระวาจาและภาพลักษณ์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นไฟในใจเรา  เชิญชวนให้ปฏิบัติกิจการตอบ  เราอาจรู้สึกอยากทำบางอย่างเพื่อพระเจ้า  ทำงานให้พระศาสนจักร (ให้วัดของเรา)

    บางครั้ง  มันอาจยากสักหน่อยที่พี่น้องจะทำอะไรที่แตกต่างจากที่เคย  หากเราเข้ามามีส่วนร่วมในกิจการของวัด  พี่น้องอาจรู้สึกถูกผลักถูกดึงหลายๆ องค์ประกอบ เช่น โครงการ  คณะกรรมการ (กิจกรรมคาทอลิก)  แรงกดดันให้มีส่วนร่วม (รับผิดชอบ) พิธีกรรมมากขึ้น  ต้องเชิญชวนคนมาวัดให้เพิ่มขึ้น  หรือช่วยกันประกาศพระวรสารด้วยวิธีการใหม่ๆ มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น  ความรับผิดชอบเหล่านี้  เราอาจรู้สึกท้อใจที่เราไม่มีความก้าวหน้าในการสร้างพระอาณาจักรสวรรค์

    พี่น้อง  เรามีความตั้งใจดีทำกิจการต่างๆ เหล่านี้  ตามที่เราเข้าใจพระวาจาของพระเจ้า  ฉะนั้น  เราอาจตกใจก็ได้ที่ได้ยินพระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน  เมื่อท่านได้ทำตามคำสั่งทุกประการแล้ว  จงพูดว่า  เราเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์  เพราะเราทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น”  พี่น้องคาดหวังคำสรรเสริญ  หรือบางทีแม้ผลตอบแทนจากพระเจ้า  เราหวังให้พระองค์ชื่นชมความพยายามของเรา  มิใช่ตอบแบบนี้ทำให้เราไม่อยากทำต่อ  เราเป็นใครที่หวัง หรือเรียกร้องอะไรจากพระเจ้า

    ประสบการณ์ของคาร์โล กาเร็ตโต  อาจช่วยสอนเราได้ตอนนี้    คาร์โล  กาเร็ตโต  ได้เป็นผู้นำเยาวชนอิตาเลี่ยนในกลุ่มกิจการคาทอลิกเป็นเวลา 20 ปี  ช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1940-1945)  เมื่ออายุ 44 ปี  เขาได้รับกระแสเรียกให้เข้าอารามนักพรต  จึงเข้าคณะภราดาน้อยของพระเยซูเจ้า  ในประเทศอัลจีเรีย

    ระหว่างเป็นผู้ฝึกหัดขั้นนวกะ  เขาใช้เวลา 1 สัปดาห์ ในทะเลทรายเพื่อนมัสการศีลมหาสนิท  ในชีวิตเคยเป็นนักกิจกรรมมาก่อน  แล้วได้ตัดสินใจแบกภาระหนักของพระศาสนจักรบนบ่า  ด้วยการคุกเข่าต่อหน้าศีลมหาสนิท  ไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งช่วงเวลาหนึ่ง  จนได้เข้าใจความจริงว่า “ผมได้เดิน  ได้วิ่ง  ได้พูด ได้จัดการ  ได้ทำงาน  ด้วยความเชื่อว่า  ผมได้สนับสนุนบางสิ่ง แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว  ผมไม่ได้ยึดอะไรจริงๆ เลย  ภาระหนักของโลกทั้งหมดอยู่กับพระคริสตเจ้าผู้ถูกตรึงกางเขน  ผมไม่ได้เป็นอะไรเลย  จนที่สุดผมออกแรงพยายามเชื่อพระวาจาของพระเยซูเจ้าผู้ได้ตรัสกับผม 2,000 ปีมาแล้วว่า ‘ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน  เมื่อท่านได้ทำตามคำสั่งทุกประการแล้ว  จงพูดว่า เราเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์  เพราะเราทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น’ ” (จดหมายจากทะเลทราย ค.ศ. 1972)

    พระวาจาของพระเยซูเจ้าไม่ใช่ใจร้าย  เป็นความจริง  ในบทอ่านวันนี้จากจดหมายนักบุญเปาโลถึงทิโมธี  เตือนใจเราว่า “ลูกที่รักยิ่ง  ข้าพเจ้าจึงเตือนความจำของท่าน  เพื่อให้พระพรพิเศษของพระเจ้าเป็นไฟที่รุ่งโรจน์ขึ้นอีก”  ทุกสิ่งที่เรามี  เราได้รับจากพระองค์  พระองค์ทรงแบกภาระหนักของโลก  ปราศจากพระองค์แล้ว  เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย

พระสังฆราช  วีระ  อาภรณ์รัตน์  แปล
จาก  Homilies  โดย Catholic  Diocese  of  Lansing,
(ตุลาคม-ธันวาคม  2016), หน้า 442-444.


    ภราดาคาร์โล  กาเร็ตโต  เป็นชาวอิตาเลี่ยน  เกิด 2 เมษายน ค.ศ. 1910  ที่เมืองอเล็กซานเดรีย  ภาคเหนือของอิตาลี  ได้รับการอบรมในศูนย์เยาวชนของคณะซาเลเซียน  ได้ศึกษาชีวิตและงานของพ่อบอสโก  จึงทำงานเพื่อกิจการคาทอลิกในภาคเหนือของอิตาลี  ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  เป็นผู้นำกิจการคาทอลิก  หลังสงครามโลก คือ ค.ศ. 1946 – 1949  ช่วงนั้นก็เกิดกระแสสังคมนิยม  คอมมิวนิสต์

    จนวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1954  ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับภราดาน้อยของพระเยซูเจ้า (เป็นคณะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชาร์ลส  เดอ  ฟูโกด์)  วันที่ 8 ธันวาคม  จึงเดินทางไปทะเลทรายสะฮาราในประเทศอัลจีเรีย  ท่านได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับชีวิตจิตประมาณ 20 เล่ม  ท่านได้สิ้นชีวิตที่อารามของนักบุญเยโรม  ที่สเปลโล (อิตาลี)  คืนวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1988  อายุ 78 ปี  วันฉลองนักบุญฟรังซิสโก  ชาวอัสซีซี
สรุปจาก วิกิพีเดีย