บทเทศน์โดยพระสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์  วีระ  อาภรณ์รัตน์อาทิตย์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา
6 กันยายน 2015
บทอ่าน 
   อสย  35:4–7ก  ;  ยก  2:1–5  ;  มก  7:31–37
พระวรสารสัมพันธ์กับ  คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก  (CCC)    1151, 1504
จุดเน้น        ให้เราร่วมพันธกิจการประกาศข่าวดีแห่งความรอด  และชีวิตนิรันดรโดยอาศัยพระเยซูคริสตเจ้า


    พี่น้องเคยได้ยินบางคนพูดบ่อยๆ ว่า “ฉันต้องบอกเธอเรื่องนี้  แต่ห้ามไปบอกใครต่อนะ”  เราทุกคนก็รู้ว่าใครที่ไม่สามารถเก็บรักษาข้อมูลได้  เช่นเดียวกัน  เราทุกคนก็รู้ว่าใครสามารถถ่ายทอดข้อมูลสำคัญแก่คนอื่น  แต่เขาไม่ได้ทำต่อ

    นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ในเรื่องพฤติกรรมมนุษย์  พระเยซูเจ้าก็อยู่ในสถานการณ์เหมือนกันกับบรรดาผู้ติดตามพระองค์  ในพระวรสารวันนี้  พระเยซูเจ้าทรงห้ามประชาชนมิให้พูดเรื่องอัศจรรย์ (รักษาคนใบ้หูหนวก) แก่ใคร  เราไม่ทราบเหตุผลทำไมจึงทรงห้าม  บางทีพระองค์ไม่ต้องการให้พวกเขาสนใจเรื่องการรักษาที่พระองค์ทรงกระทำ  เพราะพวกเขาอาจไขว้เขวจากการประกาศพระวรสาร  แต่ยิ่งพระเยซูเจ้าทรงห้ามมิให้พูด  พวกเขายิ่งเล่าลือกันมากขึ้น  จึงทำให้พระองค์ไปไหนมาไหนลำบาก  ที่จะประกาศข่าวดีกับผู้อื่น

    โดยทั่วไปแล้ว  พระเจ้าทรงทำทุกสิ่งได้  พระเยซูเจ้าทรงประกาศข่าวดี  พระองค์ทรงไถ่กู้เราอาศัยความตายของพระองค์  และทรงฟื้นฟูเราให้มีชีวิตโดยอาศัยการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์  ที่สุด  พระองค์ทรงสั่งให้บรรดาศิษย์ว่า “จงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา  ทำพิธีล้างบาปให้เขา  เดชะพระนามพระบิดา  พระบุตร  และพระจิต  จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่าน” (มธ 28:19-20)  นี่คือสิ่งที่บรรดาอัครสาวกได้ทำพร้อมกับคนอื่นๆ  นำโดยบรรดาพระสังฆราช  ผู้สืบตำแหน่งต่อจากบรรดาอัครสาวก  บรรดาพระสงฆ์  และบรรดาฆราวาสเป็นผู้ช่วย  พระศาสนจักรได้ต่องานพันธกิจที่พระเยซูเจ้าทรงมอบหมายให้  ตลอดเวลา 2000 ปี ที่ผ่านมา

    มันดูเหมือนว่าทุกสิ่งน่าจะดี  แต่มิได้เป็นเช่นนั้น  พันธกิจแห่งการประกาศข่าวดี  ความรอดพ้นโดยอาศัยพระเยซูคริสตเจ้าเป็นพันธกิจที่ไม่มีวันจบ  และถูกมอบต่อกันมาให้คริสตชนในปัจจุบัน    เป็นที่น่าเสียดาย  ดังที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ตลอดมาให้ประวัติศาสตร์  สมาชิกหลายคนของพระศาสนจักรไม่ตอบสนองจริงจังต่อเสียงเรียกให้เป็นพยานที่ซื่อสัตย์  และมีประสิทธิผลต่อพระวรสาร

    เราแต่ละคนได้รับเรียกให้แบ่งปันข่าวดี  เรารู้จักข่าวดี  เพราะเรารู้ว่าพระเยซูเจ้าทรงสอนอะไร  ทั้งคำพูดและกิจการเครื่องหมายอัศจรรย์ต่างๆ  เราไม่ควรกลัวที่จะประกาศ (ข่าวดี) ทั้งต่อคนรวยและคนจน  ความรู้และความเชื่อของเราในพระเยซูคริสตเจ้า  มิใช่ความลับต้องเก็บเงียบไว้  เราต้องประกาศและแบ่งปันเพื่อความรอดพ้นของพี่น้อง  จนสุดปลายแผ่นดิน

    อะไรทำให้เราไม่สนใจพันธกิจของการเป็นศิษย์  เราไม่เชื่อจริงๆ ว่าทุกคนต้องการความรอดใช่ไหม  เราไม่เชื่อจริงๆ ว่าคำสอนคริสตชนเป็นข่าวดีหรือ  เราไม่เชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงไว้ใจเรา  มอบพันธกิจการประกาศข่าวดีใช่ไหม  นี่คือเหตุผลที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกบรรดาศิษย์ของพระองค์อย่างสม่ำเสมอให้เชื่อ (ในพระองค์)  ถ้าเราเชื่อจริงๆ  เราก็จะประกาศข่าวดี  เราจะไม่กลัวพูดกับเพื่อนๆ และคนแปลกหน้าด้วย  เราจะไม่กลัวสอนลูกๆ หลานๆ ที่บ้านเวลารับประทานอาหาร  เมื่อเรามีชีวิตแบบศิษย์จริงๆ  เราจะประกาศข่าวดี  และความเชื่อคริสตชนก็เจริญเติบโต

    พี่น้อง  เราได้รับข่าวดีและความรอดพ้นที่มาจากการยอมรับและการดำเนินชีวิต  เราจึงได้รับมอบหมายให้แบ่งปันกับผู้อื่น  เป็นพันธกิจของเราในฐานะที่เป็นศิษย์  เพื่อประกาศมิใช่เก็บเงียบ  เราจะรู้ว่าเราได้ทำหน้าที่ของเราหรือไม่  แค่ตอบคำถามง่ายๆ นี้ว่า  ครั้งสุดท้ายที่ฉันบอกข่าวดีแห่งความรอดพ้น  โดยอาศัยพระเยซูเจ้า  เมื่อไร  ได้สอนความจริงของพระเยซูเจ้าให้ใครฟัง  หรือฉันเคยชวนใครให้มาติดตามพระเยซูเจ้าไหม

พระสังฆราช  วีระ  อาภรณ์รัตน์  แปล
จาก  Homilies  โดย Catholic  Diocese  of  Lansing,
(กรกฎาคม-กันยายน  2015), หน้า 366-368.