บทเทศน์วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2012 (ปี B)
สมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเป็นเจ้า
บทอ่าน :กดว. 6:22-27   ;   กท. 4:4-7   ;   ลก. 2:16-21
            บทอ่านต่าง ๆ ในเทศกาลพระคริสตสมภพ  นำเราให้สนใจฐานะของพระนางมารีย์  ในประวัติศาสตร์แห่งการไถ่กู้  และพยานชีวิตในฐานะศิษย์คนแรก
            ก่อนที่นิตยสาร  TIME  จะปิดฉบับสุดท้ายของปี  ประชาชนมักจะรอดูว่าใครจะเป็นบุรุษแห่งปี  ในปลายปี  ค.ศ. 1991  หน้าปกเป็นรูปพระนางมารีย์  เรื่องจากปกเป็นเรื่องสำคัญ  บรรณาธิการได้เขียนว่า  “ในบรรดาสตรีทั้งหลายผู้ได้กำเนิดมา  พระมารดาของพระเยซูเป็นผู้ได้รับการเคารพยกย่องมากที่สุด  มีภาพมากที่สุด  ได้รับเกียรติมากที่สุดในการตั้งชื่อเด็กทารกหญิง  และตั้งชื่อวัดต่าง ๆ”
             ในวันแรกของปีใหม่  เราสมโภชพระนางมารีย์  พระมารดาของเราในฐานะพระนางเป็นพระมารดาของพระเยซูเจ้า  ผู้ตั้งพระศาสนจักร  สมเด็จพระสันตะปาปาปอล ที่ 6  สอนเราว่า  “บทบาทในฐานะพระมารดา  ช่วยนำเราให้มั่นใจในฐานะลูก  พระนางพร้อมฟังเราด้วยความรัก  และคอยช่วยเหลือเราอยู่เสมอ”

 บังเกิดจากหญิงผู้หนึ่ง
             นักบุญเปาโลสอนว่า  “พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาบังเกิดจากหญิงผู้หนึ่ง”  (กท. 4:4)  พระเยซูเจ้าจึงเข้ามาในประวัติศาสตร์มนุษย์  ประกาศความรักของพระเจ้า  โดยอาศัยแม่พระตอบรับพระประสงค์ของพระเจ้า

             บรรดาคนเลี้ยงแกะแห่งเบธเลเฮม  พบพระเยซูนอนในรางหญ้า  โดยมีพระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟอยู่ใกล้ ๆ  และพวกคนเลี้ยงแกะเป็นพยานถึงพระเยซูเจ้า  ไปเล่าเรื่องที่พวกเขาได้ยินและได้เห็น  “ส่วนพระนางมารีย์ทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัย  และทรงคำนึงถึงอยู่”  (ลก. 2:19 ; 2:51)  แม่พระไว้วางใจในพระเจ้า  ทำให้แม่พระยอมรับเป็นพระมารดาของพระเมสสิยาห์  พระผู้ไถ่  ถึงแม้จะไม่เข้าใจพันธกิจของพระเยซูเจ้า

             การเชื่อ  หมายถึงการเดินทางและแสวงหาให้ลึกซึ้ง  พระนางมารีย์จึงเดินทางพร้อมยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น  ในครอบครัว  และในชุมชน  โดยยอมรับพระบุตรเข้ามาในครรภ์  และมีความสัมพันธ์กับพันธกิจของพระเยซูจนสำเร็จ  สำหรับเรา  ด้วยความเชื่อเป็นกระบวนการซึ่งมีทั้งขึ้นและลง  มีช่วงสว่างและช่วงมืด  และพยานชีวิตของแม่พระ  สอนเราให้มุ่งหน้าไปตามหนทางสู่พระเจ้า  องค์ความหวังของเรา

 พระนามของพระองค์คือ  เยซู
              พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดมาอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ  (กท. 4:4)  หลังจากนั้นแปดวัน  พระองค์ได้รับเครื่องหมายว่าเป็นชาวยิว  และได้รับนามว่า  “เยซู”  ซึ่งหมายความว่า  พระผู้ช่วยให้รอด  ช่วยให้เรามีอำนาจเรียกพระเจ้าว่า  “อับบา  พ่อจ๋า”  ทำให้เราไม่เป็นทาสอีกต่อไป  แต่เป็นบุตร  มีอิสระ  (วรรค 6-7)
 ให้เราขอบคุณแม่พระ  โดยอาศัยพระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธ  ผู้ทรงสำแดงพระพักตร์แจ่มใสต่อเรา  และประทานสันติภาพแก่เรา  (กดว. 6:26)

              ในวันปีใหม่  ให้เราเริ่มต้นปีอย่างสดชื่น  มิใช่ด้วยการจุดประทัด  ที่บางคนถือว่า  เป็นการช่วยกันขับไล่ความทุกข์และสิ่งร้าย  ความเจ็บปวดในปีเก่า  ให้เราต้อนรับปีใหม่ด้วยความหวัง  และหาข้อสัญญาตั้งใจใหม่  ปีใหม่เป็นช่วงเวลาหาทางแก้ไข  แม้คนอื่นอาจจะไม่สนใจ  แต่ขอให้พี่น้องตั้งใจอย่างหนึ่งคือ  เติบโตในความเชื่อ  ศรัทธาภักดีต่อพระนางมารีย์  เพราะจะช่วยเราให้เป็นศิษย์แท้ของพระเยซูผู้เป็นท่อธาร  และจุดหมายความรอดของเรา  “ไม่มีผู้ใดช่วยเราให้รอดพ้น  เพราะใต้ฟ้านี้  พระเจ้ามิได้ประทานนามอื่นแก่มนุษย์  นอกจากนามนี้ที่ช่วยเราให้รอดพ้นได้”  (กจ. 4:12)

พระสังฆราชวีระ  อาภรณ์รัตน์  แปล
จาก  Sharing  the  Word  Through  the  Liturgical  Year.
โดย  Gustavo  Gutiérrez. Claretian  บังกาลอร์, 2004  หน้า  33-34 ;
และ  God’s Word 2012 Daily Reflection. ของ  St. Pauls อินเดีย, 1  มกราคม  2012.